ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน (1)

2023-05-29 16:43:58 | CRI
Share with:

เมืองเซินเจิ้น (深圳) อยู่ทางภาคใต้เของจีน เป็นเมืองแห่งการสร้างนวัตกรรมใหม่ของจีน และได้ชื่อว่า “ซิลิคอนวัลเลย์ของจีน” แต่ก็เป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักมากจากการจำกัดด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ มีบริษัทนิวไฮเทคหลายสิบแห่งของเมืองเซินเจิ้นถูกจัดเข้ารายชื่อ Entities List of US โดยรายชื่อระบุว่าห้ามบริษัทเหล่านี้ซื้อชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสหรัฐฯ ตลอดจนห้ามเข้าตลาดสหรัฐฯ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากสหรัฐฯ  

แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงคือไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราการเติบโตของเมืองเซินเจิ้นเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว  สูงกว่าเมืองขนาดใหญ่พิเศษอีก 3 แห่งของจีน คือกรุงปักกิ่ง 3.1% นครเซี่ยงไฮ้ 3.0% และเมืองกว่างโจวเมืองเอกมณฑลกว่างตุงที่มีเพียง1.8% เท่านั้น

เมื่อเทียบกับฮ่องกงที่อยู่ใกล้เคียง ปี 2022 ยอดเศรษฐกิจของเมืองเซินเจิ้นมากกว่าฮ่องกง 800,000 ล้านหยวน ขณะที่อัตราการเติบโตในไตรมาสแรกของฮ่องกงคิดเป็น 2.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของเมืองเซินเจิ้น สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน  ภายใต้แรงกดดันอันใหญ่หลวงจากสหรัฐ และภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างลำบากและฟื้นฟูอย่างเชื่องช้าในปัจจุบัน

สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจเซินเจิ้นเติบโตอย่างเร็วคือ การเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สูงเกินคาด 

ปี 2022 กลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ BYD ของเมืองเซินเจิ้นได้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดรวม 1.86 ล้านคัน มากกว่าเทสลาที่มียอดการผลิต1.3 ล้านคัน เมื่อเทียบตัวเลขสองรายนี้แล้ว BYD มากกว่าเทสลา 42%

ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของบริษัทระดับโลกของจีนหลายแห่งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น อาทิ หัวเหวย  BYD  เทนเซ็นต์และต้าเจียง เป็นต้น

หัวเหวยเป็นบริษัทนิวไฮเทคสำคัญที่สุดของจีน และก็เป็นบริษัทนิวไฮเทคที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรอย่างหนักที่สุดของจีน ด้วยข้ออ้างที่ว่าสร้างภัยคุคามต่อความมั่นมั่นคงของสหรัฐฯ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าหัวเหวยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือสร้างภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศใดประเทศหนึ่งในโลก

เดือนเมษายน บริษัทหัวเหวยเริ่มโครงการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ที่เมืองสตราสบูร์ก ทางตะวันออกของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์5G จากที่นี่ขับรถ 15 นาที ก็จะถึงสำนักงานใหญ่สหภายุโรป อีก 2 ปีให้หลังโรงงานแห่งนี้ก็จะเริ่มการผลิต

ตั้งแต่ปี 2018 หัวเหวยกลายเป็นสัญลักษณ์ของสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สหภาพยุโรปปฏิบัติตามแนวทางของสหรัฐฯ จัดให้หัวเหวยอยู่นอกเครือข่าย 5G ฝรั่งเศสก็ได้ออกกฎหมายบริหารโทรคมนาคมฉบับใหม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการสร้างโรงงาน5G ภายใต้สภาพแบบนี้จะไม่เป็นปัญหาหรือ พนักงานท้องถิ่นตอบว่า “สิ่งที่ถูกควบคุมคือเครือข่ายโทรคมนาคมพื้นฐาน รัฐบาลจะไม่ห้ามการสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ บริษัทระหว่างประเทศต้องอยู่รอดในขณะที่รับมือกับข้อจำกัดต่างๆ”

อันที่จริง หัวเหวยยังคงใช้ความพยายามอยู่ต่อในยุโรป เดือนธันวาคมปีที่แล้ว สถิติการสำรวจขององค์กรภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่าอัตราการเข้าร่วมเครือข่าย 5G ของยุโรป บริษัทจีนที่รวมถึงหัวเหวย ครองสัดส่วน 17 ของฝรั่งเศส 59%ของเยอรมนีและ 72% ของเนเธอร์แลนด์

สหรัฐฯ พยายามจำกัดบริษัทจีนให้อยู่นอกตลาดโทรคมนาคม แต่ท่าทีของยุโรปคือ “หลบหลีกความเสี่ยง ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผล”

เมื่อเร็วๆ นี้ สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งของฝรั่งเศสกล่าวเกี่ยวกับปัญหาหัวเหวยว่า “ในด้านภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ สหรัฐฯ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เพราะในด้านการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท IT ของสหรัฐฯ เช่น Google และ Amazon ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ”

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มุ่งมั่นในสิ่งที่เรียกว่า “แยกออก” หรือ decoupling กับจีน  ทั้งยังใช้ความพยายามชักจูงประเทศพันธมิตรเข้าร่วมกระบวนการ“แยกออกจากจีน” อีกด้วย ทางการจีนแสดงการคัดค้านโดยเน้นว่า

“การที่สหรัฐฯ แยกออกจากจีนนั้น เป็นการทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลก”

ในโลกตะวันตก ก็มีเสียงประณามกระบวนการ “แยกออกจากจีน”เช่นกัน เช่น ด้านนักธุรกิจของสหรัฐฯ ต้นเดือนเมษายน บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ( Berkshire Hathaway) กลุ่มบริษัทประกันภัยและการลงทุนขนาดยักษ์ระดับโลก ที่จัดอยู่อันดับ 6 ของ 500 บริษัทโลกปี 2022 จัดการประชุมประธานกรรมการที่เมืองโอมาฮา มลรัฐเนแบรสกาของสหรัฐ โดยนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานกรรมการที่มีฉายาเทพหุ้น และนายชาร์ลี โทมัส มังเกอร์ รองประธานกรรมการ ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง ร่วมกันตอบปัญหา 60 ปัญหาของบรรดากรรมการทั่วโลก ซึ่งประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ

นายวอร์เรน บัฟเฟตต์และนายชาร์ลี โทมัส มังเกอร์ เห็นว่า ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สร้างความสูญเสียที่ไม่จำเป็นต่อทั้งสองประเทศ

นายวอร์เรน บัฟเฟตต์และนายชาร์ลี โทมัส มังเกอร์  ที่มีอายุ 99 ปี ใช้คำว่า “โง่”(stupid) ติดต่อกัน 3 ครั้งในการประณามการกระทำใดๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนตึงเครียดยิ่งขึ้น เขากล่าวว่าสหรัฐฯ ควรปรองดองกับจีน ดำเนินการค้าเสรีจำนวนมากเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

นักธุรกิจประเทศต่างๆ ที่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนักธุรกิจอาวุโสสหรัฐฯ 2 คนนี้คงมีไม่น้อย 

  • เสียงข่าวประจำวัน (19-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (19-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (19-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)