ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน (2)

2023-05-30 17:18:48 | CRI
Share with:

ตั้งแต่ต้นปีนี้การพัฒนาของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจีนเน้นดำเนินนโยบายเปิดสู่ภายนอกในระดับสูง มีบริษัททุนต่างชาติเปิดใหม่ในจีนเพิ่มมากขึ้น ไตรมาสแรกของปีนี้ จีนมีบริษัททุนต่างชาติใหม่จำนวนวกว่า 10,000 แห่ง เพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

นายสื่อ ซินเซี่ยง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การตัดสินนโยบายกวางตงมหาวิทยาลัยจงซานกล่าวว่า “เมื่อพ่อค้าต่างประเทศมาถึงกวางตงจะถูกใจบรรยากาศการค้าของที่นี่ ความแข็งแกร่งและพื้นฐานที่หนักแน่นของการพัฒนาเศรษฐกิจของกวางตง เป็นสถานที่รวบรวมปัจจัยระดับสูงของทั่วโลก”

ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา  การก่อสร้างเลโก้แลนด์รีสอร์ท เซี่ยงไฮ้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น นี่เป็นโครงการที่เอาปัจจัยวัฒนธรรมจีนผสมผสานกับสวนสนุกแบบตะวันตก ซีอีโอทั่วโลกของเมอร์ลินเอ็นเตอร์เทนเมนต์กรุ๊ป( Merlin Entertainments Group ) กล่าวว่า “ตลาดจีนมีรูปแบบทางพาณิชย์ใหม่ๆ จำนวนมากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดจีนมีความคึกคักมาก เรามีความมั่นใจต่อตลาดจีน”

สถิติทางการจีนแสดงให้เห็นว่า ไตรมาสแรกของปีนี้ ฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมนีมีการลงทุนต่อจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคิดเป็น 635.5% ,680.3%และ 60.8% ส่วนญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์และเกาหลีใต้ก็มีการลงทุนในจีนเพิ่มมากขึ้น 47.7%, 47.4% และ 36.5% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนประเทศรายทาง “1แถบ 1 เส้นทาง” ก็มีการลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น 27.8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

สาเหตุที่นักธุรกิจประเทศต่างๆ มีความมั่นใจต่อตลาดจีนคือ นโยบายเปิดสู่ภายนอกในระดับสูง ตลาดบริโภคที่มีขนาดใหญ่ บรรยากาศการค้าที่เปิดกว้าง ความเสมอภาคและมีหลักประกันทางกฎหมายอย่างจริงจัง สังคมที่สงบเรียบร้อยและปลอดภัย โดยเฉพาะกำลังประเทศโดยรวมของจีน หรือความสามารถโดยรวมของจีน ทั้งนี้ เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนที่มีความเหนียวแน่น

ปัจจุบันเมื่อคิดตามจีดีพีแล้ว จีนเป็นประเทศใหญ่อันดับ 2 รองลงจากสหรัฐ แต่นักวิเคราะห์จีนบางคนชี้ว่าปัจจุบันกำลังที่รวมกันของประเทศจีนแซงหน้าสหรัฐฯ หลายปีแล้ว คำพูดแบบนี้ชาวต่างชาติ ตลอดจนชาวจีนจำนวนไม่น้อยคงไม่เห็นด้วย

กำลังโดยรวมของประเทศที่เข้มแข็งไม่พียงแต่หมายถึงกำลังการผลิตด้านอุตสาหกรรมแต่สิ่งที่สำคัญคือ ความสามารถพื้นฐานที่เข้มแข็งข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่าแต่ละปีจีนมีนักศึกษาจบใหม่กว่า 10 ล้านคน เด็กจีนเกือบ 99.9% ได้รับการศึกษาภาคบังคับระยะ 9 ปี

จีนมีทางรถไฟความเร็วสูงที่ยาวที่สุดของโลก มีทางด่วนที่ยาวที่สุดของโลก ปริมาณผลิตไฟฟ้าจำนวนมากที่สุดของโลก สะพานที่ใหญ่ที่สุดของโลกนั้นส่วนใหญ่อยู่ในจีน สะพานที่ยาวที่สุดของโลกส่วนใหญ่อยู่ในจีน สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของโลกส่วนใหญ่ก็อยู่ในจีน  ปริมาณผลิตเหล็กกล้าของเมืองถังซาน (唐山市) เพียงเมืองเดียว ก็มากกว่าสหรัฐฯ อย่างมาก

จีนมีข้าราชการจำนวนกว่า 10 ล้านคน เคยเข้าร่วมกระบวนการช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนให้หลุดพ้นจากความยากจนในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ถนนหนทางของเมืองขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กของจีนล้วนไม่มีขอทานเร่ร่อน คนขอทานในจีนส่วนใหญ่เป็นขอทานมืออาชีพ

ในประเทศจีน ตอนเที่ยงคืนสามารถเดินคนเดียวได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ชาวอเมริกันไม่กล้าคิด ในเมืองส่วนใหญ่ของจีน ตอนตี 2 หรือ ตี 3 ถ้าคุณรู้สึกหิวข้าว ก็ยังสามารถสั่งอาหารส่งด่วนได้ ชาวนาที่อยู่ซินเจียงหรือยุนนาน สามารถขายผลิตภัณฑ์การเกษตรไปถึงเมืองใหญ่ที่ห่างไกลหลายพันกิโลเมตรโดยการใช้อีคอมเมิร์ซ  

ปัจจุบัน ชาวจีนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ตโฟนราคาถูกที่จีนผลิตเอง ค่าใช้จ่ายไวไฟถูกมากและระบบอินเตอร์เน็ตก็มีความรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่มี เมืองเล็กที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ แม้กระทั่งสัญญาณด้านโทรคมนาคม นี่เป็นเรื่องที่ชาวโลกส่วนใหญ่รู้ แต่ในประเทศจีนเมื่อกว่า 10 ปีก่อน สัญญาณ 4G ก็เข้าถึงเกือบทุกๆ หมู่บ้านชนบทของจีนแล้ว 

เรื่องดังกล่าวที่ชาวจีนรู้สึกว่าเป็นปกตินั้น ประเทศขนาดใหญ่ของโลกส่วนใหญ่ยังทำไม่ได้ ปัจจุบันกำลังโดยรวมของประเทศจีนในปัจจุบันจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก และเป็นพื้นฐานสำคัญที่รองรับเศรษฐกิจจีน ทำให้เศรษฐกิจจีนมีความเหนียวแน่

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟประกาศรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการคาดการณ์ที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในปีนี้ถูกปรับขึ้นเป็น 5% สูงขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับรายงานการคาดการณ์ที่ประกาศในเดือนตุลาคมปี 2022  ของไอเอ็มเอฟ สะท้อนว่าจีนเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก 

ปีนี้ความต้องการของทั่วโลกลดลง อัตราเงินเฟ้อยืนอยู่ระดับสูง กิจการธนาคารของสหรัฐฯ และยุโรปเกิดความผันผวน เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น

นายคริชนา ศรีนิวาสาน(Krishna Srinivasan)ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิกไอเอ็มเอฟกล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า “แม้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ภูมิภาคเอเชียแอซิฟิกจะกลายเป็นเขตที่คึกคักที่สุดทางเศรษฐกิจในปี 2023 ซึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญมาจากการฟื้นฟูที่รวดเร็วของเศรษฐกิจจีนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย”

การคาดการณ์ล่าสุดของไอเอ็มเอฟระบุว่าปีนี้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นจาก 3.8% มาเป็น 4.6% มีอัตราส่วน 70% ในการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกันจีนจะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลกต่อไป โดยจะมีอัตราส่วน 34.9% ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วโลก

นายคริชนา ศรีนิวาสาน ชี้ให้เห็นว่าพร้อมๆ กับจีนผ่อนปรนนโยบายป้องกันโรคระบาด กำลังการบริโภคของจีนกลับฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่วงโคจรฟื้นฟูอย่างรวดเร็วด้วย การฟื้นฟูแบบนี้จะขยายไปสู่ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทำให้หุ้นส่วนทางการค้าของจีนได้รับประโยชน์มากขึ้น

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (18-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (17-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (17-04-2567)