ช่วงฤดูใบไม้ร่วงสีทอง หมู่บ้านชู่ชิวที่อยู่ท่ามกลางพื้นที่ภูเขาของตำบลเสี่ยวซี อำเภอผิงเหอ เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน จะเห็นส้มโอน้ำผึ้งห้อยระโยงระยางจากต้นเป็นจำนวนมาก
เช้าวันที่ 21 ตุลาคมปี 1996 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยนกำลังอยู่ระหว่างการตรวจเยี่ยมพื้นที่เมืองจางโจว เขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานีเพาะและขยายกิ่งพันธุ์ไม้ผลพันธุ์ดีที่อำเภอผิงเหอซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านชู่ชิว
รถมินิบัสจอดที่เชิงเขา หลังจากนายสี จิ้นผิง ลงจากรถ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำผู้คนที่อยู่ต่อหน้าทีละคน นายไช่ ซุ่นฉี ผู้อำนวยการสถานีฯ จับมือนายสี จิ้นผิงแล้วกำลังจะถอยไปด้านข้าง แต่ถูกนายสี ดึงตัวไว้พร้อมพูดว่า “มานี่ มานี่”
“พันธุ์ส้มโอมาจากไหน?” นายสี จิ้นผิงเดินพลางถามพลาง “นี่คือพันธุ์ท้องถิ่นของเรา บรรพบุรุษของเราเริ่มปลูกเมื่อ 400-500 ปีก่อน และค่อยๆ ขยายพื้นที่ปลูกในช่วงทศวรรษที่ 1980”
นายไช่ ซุ่นฉีตอบนายสี จิ้นผิงว่าส้มโอน้ำผึ้งก่วนซีเป็นผลไม้ทรงคุณค่าที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลายาวนานของอำเภอผิงเหอ มันได้ชื่อนี้ตามชื่อแม่น้ำก่วนซีที่ไหลผ่านแหล่งกําเนิดส้มโอ ในประวัติศาสตร์เคยถูกถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการแก่ราชสำนัก แต่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970ทั้งอำเภอผิงเหอมีต้นส้มโอน้ำผึ้งเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบต้นเท่านั้น ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 ทางการท้องถิ่นได้เสนอแนวคิด"อำเภอทำสวนผลไม้ 10,000 โหม่ว (2.4 โหม่วเท่า 1 ไร่), ตำบลทำสวนผลไม้ 1,000 โหม่ว, หมู่บ้านทำสวนผลไม้ 100โหม่ว และครัวเรือนปลูกส้มโอ 100 ต้น" โดยเจ้าหน้าที่ระดับบริหารเป็นผู้นำในการบุกเบิกพื้นที่รกร้างว่างเปล่าและปลูกผลไม้ นำมาซึ่งกระแสการปลูกส้มโอของทั้งอำเภอ อุตสาหกรรมส้มโอน้ำผึ้งก่วนซีจึงฟื้นตัวขึ้น และได้รับรางวัล “ผลผลิตการเกษตรยอดเยี่ยมแห่งชาติ” จากกระทรวงเกษตรเมื่อปี 1989
คำบรรยายภาพ : คนงานกำลังบรรจุส้มโอที่โรงงานแปรรูปส้มโอน้ำผึ้งแห่งหนึ่งในอำเภอผิงเหอ เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน (เอื้อเฟื้อภาพโดยสำนักข่าวซินหัว)
“พันธุ์นี้มีลักษณะพิเศษอย่างไร?”
“นี่เป็นผลไม้เขตอบอุ่น ความชื้นในดินที่ดีที่สุดคือประมาณ 65% ต้องทำการตัดแต่งกิ่งทุกปี”
“มันไวต่อความร้อนหรือไวต่อแสง?”
“ไวต่อความร้อน”
“พันธุ์นี้มีข้อดีอะไรบ้าง?”
“เมื่อครั้งเรายื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพดีของประเทศ เคยส่งไปรับการตรวจสอบจากฝ่ายที่สาม มันมีสารอาหาร 23 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ”
“นี่คือผลไม้ที่ดี”
หลังจากเดินนานกว่าสิบนาที นายสี จิ้นผิงได้เข้าไปในสวนส้ม ดูต้นส้มโอทีละต้น สังเกตการเจริญเติบโตของส้มโออย่างละเอียด นายสี จิ้นผิงกับคณะอยู่ในสวนนานกว่าครึ่งชั่วโมง เมื่อเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯประจำอำเภอผิงเหอเสนอให้ปลูกต้นส้มโอเพื่อเป็นอนุสรณ์ นายสี จิ้นผิงตอบตกลงในทันที เขารับพลั่วจากเจ้าหน้าที่ -พรวนดินอย่างชำนาญ ใช้เวลากว่า 10 นาทีในการปลูกส้มโอน้ำผึ้งในที่โล่งรอบๆ
“ชาวสวนส้มโอมีรายได้ดีหรือไม่” นายสี จิ้นผิงถามหลังเดินออกจากสวนส้มโอ
“เป็น 5 เท่าของการปลูกข้าว และ 4 เท่าของการปลูกอ้อย”ไช่ ซุ่นฉีกล่าว ในเวลานั้น การเกษตรในอำเภอผิงเหอยังคงถือการปลูกพืชแบบดั้งเดิมเป็นหลัก
“”มีตลาดไหม?
“ส้มโอของเราขายในตลาดทางตอนใต้เท่านั้น ยังไม่เคยขายไปยังภาคเหนือ มีเกษตรกร 20,000 รายขายส้มโอในเมืองเฉิงตูและอู่ฮั่น บางรายถึงกับนั่งเครื่องบิน ยอดขายในเมืองรอบๆ ก็ดีเช่นกัน” ไช่ ซุ่นฉีกล่าว สำหรับส้มโอในผิงเหอนั้น การเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นเมื่อไร การจำหน่ายก็จบลงเมื่อนั้น ผลประโยชน์ก็ถือว่าไม่ธรรมดา
“นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก” สี จิ้นผิงกล่าวกับเลขาธิการพรรคฯประจำอำเภอผิงเหอว่า “พันธุ์ดีเช่นนี้ ผลผลิตมีตลาดด้วย ควรส่งเสริมอย่างเต็มที่”
ต่อจากนั้น สี จิ้นผิงกล่าวกับไช่ ซุ่นฉีอีกครั้งว่า “สถานีเพาะและขยายกิ่งพันธุ์ไม้ผลพันธุ์ดีมีส่วนช่วยในการเพาะชำกล้าไม้ แต่ยังจำเป็นต้องจัดระเบียบรูปแบบใหม่เพื่อขยายอุตสาหกรรมให้ใหญ่ขึ้นและส่งเสริมให้เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมด้วย”
ปลายปี 1997 อำเภอผิงเหอได้ก่อตั้ง “กลุ่มบริษัท จิ่นซีฝูเจี้ยน จำกัด” ที่สถานีเพาะและขยายกิ่งพันธุ์ไม้ผลพันธุ์ดี ซึ่งได้กลายเป็นวิสาหกิจอุตสาหกรรมการเกษตรที่รวมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายเข้าด้วยกัน หนึ่งปีต่อมา ขนาดการปลูกส้มโอน้ำผึ้งของบริษัทแห่งนี้ได้ขยายจากมากกว่า 500 โหม่วเป็นมากกว่า 14,000 โหม่ว ส้มโอน้ำผึ้งก่วนซีจึงได้ค่อยๆ เติบโตเป็นอุตสาหกรรมเสาหลักของอำเภอผิงเหอ
N/LU