ฤดูร้อนปีนี้ อุณหภูมิสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ สภาพอากาศที่รุนแรงเช่นพายุฝน น้ำท่วม และภัยแล้ง ทําให้คนทั่วไปรู้ถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการรับมือกับภาวะโลกร้อนกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนและสําคัญมาก
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกรายงานว่า ซีกโลกเหนือส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยความร้อนสูงในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนจัดนี้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสําคัญต่อสุขภาพของผู้คนและสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิรายวันของจีนสร้างสถิติใหม่ และสถิติอุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้ในหลายพื้นที่ต้องมีการปรับปรุงบ่อยครั้ง
อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลก็ได้สร้างสถิติใหม่เช่นกัน นอกชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาเผชิญกับคลื่นความร้อนทางทะเลที่รุนแรง บางประเทศริมชายฝั่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งรวมถึงแอลจีเรีย กรีซ อิตาลี และสเปนเกิดไฟป่าที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน นอกจากนี้ ยังเป็นเหตุให้ต้องอพยพหลายพันคนออกจากพื้นที่
บทความที่ให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์บทหนึ่งจากสหประชาชาติระบุว่า คนโดยทั่วไปเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ อุณหภูมิสูงขึ้น แต่นี่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ผลที่ตามมาของโลกร้อนรวมถึงความแห้งแล้งที่รุนแรง การขาดแคลนน้ำ ไฟไหม้ การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล น้ำท่วม น้ำแข็งขั้วโลกละลาย วาตภัย และความหลากหลายทางชีวภาพลดลง
เนื่องจากความรุนแรงของภัยร้อนในฤดูร้อนปีนี้ ทำให้หลายประเทศเผชิญปัญหาขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า และทรัพยากรน้ำ ในเอเชีย ประชากรเกือบ 1,000 ล้านคนในอินเดีย ปากีสถาน เมียนมา ศรีลังกา เป็นต้น ตกอยู่ในความเดือดร้อนเนื่องจากไฟฟ้าดับเป็นครั้งคราว
บริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ทั่วโลกต่างจัดให้โลกร้อนเป็นความเสี่ยงทางการเงินที่สำคัญต่อการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น บริษัทวอลมาร์ทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอันดับต้นๆของโลกระบุว่า โรงงานขนาดใหญ่ของบริษัทมีความเสี่ยงต่อต้นทุนการทําความเย็นที่เพิ่มขึ้น ส่วนดิสนีย์ กลุ่มบริษัทสื่อมวลชนและความบันเทิงที่มีชื่อเสียงของโลกระบุว่า โลกร้อนอาจจะส่งผลต่อยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวของบริษัท
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ วิเคราะห์ว่า โลกร้อนเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่จับต้องได้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกด้าน ประการแรก โลกร้อนจะทำลายพืชผล และสร้างความเสียหายให้กับผู้ค้าปลีกที่พึ่งพาพืชผลในห่วงโซ่อุปทาน โลกร้อนจะเปลี่ยนความต้องการในการเดินทางของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ก็ต้องหยุดทํางาน
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ทบวงการชำนัญพิเศษ สหประชาชาติคาดการณ์ว่า ถึงปี 2030 ทั่วโลกจะสูญเสียเวลาทำงานคิดเป็นกว่า 2% ของเวลาทำงานทั้งหมดต่อปี เพราะโลกร้อนเป็นเหตุให้แรงงานทำงานไม่ได้ หรือแรงงานต้องชะลอความเร็วในการทำงาน
โลกร้อนจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง ศูนย์วิจัยปัญหาระหว่างประเทศชาธัมของอังกฤษระบุว่า ปัญหาหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับโลกร้อนจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ตลอดจนจะสั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิตยสารไซแอนซ์ (Science)ของสหรัฐอเมริกาได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เรื่องหนึ่ง โดยระบุว่า ปรากฏการณ์เอลนิโญปีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะทำความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเศรษฐกิจโลก
โลกร้อนเป็นอันตรายถึงชีวิต ข้อมูลจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ระบุว่า ในช่วงเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ประชากรเอเชียจำนวน 980,000 คนเสียชีวิตจากสภาพอากาศสุดขั้ว รายงานจากนิตยสารรายเดือนเนเจอร์ เมดดิซีน (Nature Medicine )ของอังกฤษระบุว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดทําให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดและโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงฤดูร้อนปี 2022 ยุโรปมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิสูงถึง61,000 คน หากไม่ใช้มาตรการอย่างเร่งด่วน คาดว่าถึงปี 2030 ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ยุโรปจะมีผู้เสียชีวิตจากอุณหภูมิสูงโดยตรงหรือโดยอ้อมคิดเป็นจำนวนกว่า 68,000 คน
เมื่อเผชิญกับภาวะโลกร้อน ประเทศต่าง ๆ ควรใช้มาตรการเพื่อคุ้มครองกลุ่มชนที่อ่อนแอและเปราะบาง อีกทั้งประกันความต่อเนื่องในการบริหารสาธารณะและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศใช้แผนบริหารคลื่นความร้อนแห่งชาติ โดยเรียกร้องให้ภาคส่วนต่าง ๆ ประกันความปลอดภัยของแรงงานที่ทำงานกลางแจ้ง ประกันการเรียนการสอนในโรงเรียน และประกันการแข่งขันกีฬาในช่วงที่อุณหภูมิสูง
เนื่องจากภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อโลกในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ประเทศต่าง ๆ ควรส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข การผลิตด้านการเกษตร และการอนุรักษ์ระบบนิเวศ และเสริมทักษะการปรับตัวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนมหาชนควรใช้วิถีชีวิตแบบสีเขียว คาร์บอนต่ำ หมุนเวียน และยั่งยืน อีกทั้งประหยัดพลังงานและลดมลภาวะ
(IN/ZHOU)