เมื่อเร็วๆนี้ นายทาโร่ อาโสะ รองประธานพรรคเสรีประชาธิปไตยและอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เดินทางเยือนไต้หวันของจีน เพื่อกระตุ้นให้ไต้หวัน "เตรียมพร้อมทางด้านจิตใจสำหรับการทำสงครามกับแผ่นดินใหญ่" ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากวงการต่างๆ  สื่อของไต้หวันวิพากษ์วิจารณ์ว่า  นายทาโร่ อาโสะ ไม่เพียงแต่ไม่ได้ขอโทษสำหรับการสร้างอาณานิคมญี่ปุ่นในไต้หวันแล้ว แต่ยังสนับสนุนให้ไต้หวันพัฒนากำลังทหารและเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม ซึ่งเป็นการ "ผลักชาวไต้หวันเข้าสู่กองไฟ"

ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น นายอาโสะต้องเข้าใจคำมั่นสัญญาของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีต่อจีน  อย่างไรก็ตาม เขาเคลื่อนไหวต่อต้านกระแสดังกล่าว โดยชี้ไม้ชี้มือในปัญหาไต้หวันอย่างลำพองตนว่าเป็นผู้ครองอาณานิคม และกล่าวคำปราศรัยที่เป็นอันตราย ซึ่งละเมิดหลักการจีนเดียวและเจตนารมณ์ของเอกสารทางการเมือง 4 ฉบับระหว่างจีนและญี่ปุ่น ทำให้เกิดปัญหามากขึ้นในความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น

ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ญี่ปุ่นได้ผ่าน "เอกสารความมั่นคง 3 ฉบับ" เพื่อตามรอยของสหรัฐฯ และประโคมข่าวไต้หวัน เพื่อหาข้อแก้ตัวในการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและขยายกำลังรักษาความมั่นคง ในเอกสารด้านกลาโหมฉบับใหม่ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและแสวงหา "ความเข้าใจในชาติ" ในการเสริมสร้างกองกำลังป้องกันของตน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเห็นว่า การเล่น "ไพ่ไต้หวัน" ได้กลายเป็นวิธีการสำคัญสำหรับญี่ปุ่นในการกำจัดรัฐธรรมนูญเพื่อผดุงความสันติสุข และการรื้อฟื้นความฝันของอำนาจทางทหาร ตลอดจนการเสริมสร้างพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ

ในฐานะรองประธานพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งพรรครัฐบาลญี่ปุ่น การแสดงบนเวทีของเขา สะท้อนถึงแนวโน้มบางอย่างของรัฐบาลญี่ปุ่นในทางอ้อมว่า  ฝ่ายขวาของญี่ปุ่นปฏิเสธประวัติศาสตร์และไม่ยอมทบทวนความความผิด

แต่พวกเขาคำนวณสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันอย่างผิดพลาด ขณะนี้เป็นทศวรรษที่ 3 ของศตวรรษที่ 21 และจีนไม่ใช่รัฐบาลราชวงศ์ชิงเหมือนเมื่อครั้งลงนามในสนธิสัญญาชิโมโนเซกิในปี 1894  และญี่ปุ่นไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอย่างไม่รับผิดชอบต่อปัญหาไต้หวัน หากนักการเมืองญี่ปุ่นบางคน ยังคงอยู่ในความคิดเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และแทรกแซงกิจการภายในของจีนเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นผู้ครองอาณานิคม พวกเขากำลังเล่นกับไฟและไฟนั้นจะเผาตัวเองไม่ช้าก็เร็ว การรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวเป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางได้

Yim/Lei/Zi