สถาบันวิจัยตุนหวง เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกของจีน เคยเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมโบราณอารยธรรมหลัก สี่แห่งของโลก มีศาสนาหลักหกศาสนาและวัฒนธรรมชาติพันธุ์มากกว่าสิบวัฒนธรรมหลอมรวมกันที่นี่
ในปี ค.ศ. 1944 สถาบันวิจัยตุนหวงได้ก่อตั้งขึ้นและดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การรักษาถ้ำพระพุทธรูปตุนหวง การวิจัยตุนหวงและการต้อนรับการท่องเที่ยวเป็นต้น เป็นสถาบันจัดการโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของโลกจำนวนมากที่สุดและครอบคลุมขอบเขตที่กว้างที่สุดในประเทศจีน และยังเป็นสถาบันวิจัยตุนหวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายซู โบ๋หมิน ประธานสถาบันตุนหวงคนปัจจุบัน ในฐานะผู้พิทักษ์และผู้สืบทอดวัฒนธรรมตุนหวง มาทำงานที่ถ้ำมั่วเกาในปี ค.ศ.1992 จนถึงปัจจุบัน โดยอุทิศตนให้กับการวิจัยการคุ้มครองโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม
นายซู โบ๋หมิน กล่าวว่างานปกป้องถ้ำมั่วเกาเริ่มต้นตั้งแต่อดีต และสถาบันตุนหวงยึดมั่นในหลักการ "การป้องกันต้องมาก่อน" มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบัน ได้บูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้วรวมประมาณ 6,922 ตารางเมตร มีการทำคอเลคชั่นดิจิทัลของถ้ำ 290 แห่ง และจัดตั้งระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยล่วงหน้าถ้ำที่สมบูรณ์ การดำเนินโครงการคุ้มครองได้ปรับปรุงสถานะการคุ้มครองโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของถ้ำมั่วเกาให้ดีขึ้นโดยพื้นฐาน การดำเนินโครงการคุ้มครองนี้ได้ปรับปรุงสถานะการคุ้มครองโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของถ้ำมั่วเกาให้ดีขึ้น
นายซู โบ๋หมิน แนะนำว่าเทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมการปกป้องถ้ำพระพุทธรูป และจะพัฒนารูปแบบการจัดแสดงให้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงสามารถลดความกดดันในการเยี่ยมชมถ้ำพระพุทธรูป แต่ยังปรับปรุงการส่งเสริมและจัดแสดงวัฒนธรรมตุนหวงอีกด้วย ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ถึงวัฒนธรรมตุนหวงจากช่องทางต่างๆ มากขึ้น
ปัจจุบันกระแส “ตุนหวงฟีเวอร์” ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมไปแล้ว ตามสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี ค.ศ.2019 ภายใต้ระบบของการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด ถ้ำมั่วเกายังพัฒนารูปแบบการเยี่ยมชมให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวโครงการต่างๆ เช่น โครงการเยี่ยมชมเสมือนจริงของถ้ำมั่วเกา เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น