ยินดีต้อนรับสู่รายการ “Stories of Xi Jinping” รายการที่แบ่งปันประสบการณ์การทำงานของ สี จิ้นผิง ในรัฐบาลระดับต่างๆ ทั่วประเทศเป็นเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อค้นหาว่า ความเป็นผู้นำและความคิดของสี จิ้นผิง ในการบริหารปกครองค่อยๆพัฒนาขึ้นได้อย่างไร
สี จิ้นผิงมีความชำนาญในการวางแผนการพัฒนาระยะยาว โดยคำนึงถึงแนวโน้มและทิศทางแห่งการพัฒนา เพื่อกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และตัดสินใจในขั้นตอนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
หลังย้ายออกจากเมืองเซี่ยเหมิน เพื่อไปรับตำแหน่งใหม่ที่เมืองฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน สี จิ้นผิง ได้จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 3 ปี 8 ปี และ 20 ปีสำหรับเมืองฝูโจว เพื่อให้เมืองฝูโจวพัฒนาจากเมืองที่อาศัยแม่น้ำเป็นเมืองที่ออกสู่ทะเล และสร้างเขตเศรษฐกิจดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำหมิ่นเจียง
หลังมีแผนพัฒนาระยะกลางและระยะยาว เมืองฝูโจวเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามลำดับ เช่น สนามบินนานาชาติ ทางหลวง ท่าเรือน้ำลึก และโรงงานไฟฟ้า บริษัทต่างชาติ และบริษัทจากไต้หวันของจีนเริ่มมาลงทุนในเมืองฝูโจว ในขณะเดียวกัน เขตพัฒนาเศรษฐกิจประเภทต่างๆในเมืองฝูโจวได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ช่วง 6 ปีที่สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งในเมืองฝูโจว ผลิตภัณฑ์มวลรวมของเมืองฝูโจวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี 20% และยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่รอบข้างที่ไม่ติดกับชายฝั่ง การพัฒนาที่มีลักษณะประสานกันดังกล่าวช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของทั่วมณฑลฝูเจี้ยนอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่เมืองฝูโจวกล่าวถึงความสามารถของ สี จิ้นผิง ในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ว่า “เวลาวิเคราะห์การพัฒนาเขตพื้นที่หรือเมืองหนึ่ง สี จิ้นผิง จะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เขาเป็นนักวางแผนยุทธศาสตร์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถประสานงานด้านต่างๆ และควบคุมสถานการณ์โดยรวม โดยได้คำนึงถึงแนวโน้มที่ต้องเป็นไป
สี จิ้นผิงเคยกล่าวไว้ว่า หากมีการประเมินเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง การวางแผนที่ดี และการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมก็จะมีอนาคตที่สดใส จากการพัฒนาเป็นเวลาหลายทศวรรษปัจจุบัน แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเชิงยุทธศาสตร์ที่สี จิ้นผิง กำหนดขึ้นสำหรับเมืองเซี่ยเหมินและเมืองฝูโจวได้ปรากฏเป็นจริงขึ้นแล้ว
ปัจจุบัน เมืองเซี่ยเหมินไม่เพียงเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่เหมาะกับการทำธุรกิจและการสร้างนวัตกรรมอีกด้วย เศรษฐกิจใหม่และอุตสาหกรรมใหม่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การค้าและการลงทุนได้ดำเนินการควบคู่กันไป การขนส่งทางทะเล ทางบก และทางอากาศสามารถเข้าถึงประเทศและภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ส่วนเมืองฝูโจว เมืองแห่งภูเขาและสายน้ำ มีผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวมทะลุหนึ่งล้านล้านหยวน (1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2020 และจัดอยู่ในอันดับแรกของมณฑลฝูเจี้ยนในปี 2021
จีนมีสุภาษิตจีนว่า “หากคนๆหนึ่งไม่มีภาพรวมอยู่ในใจ เขาจะไม่สามารถบริหารปกครองพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ดีนัก หากคนๆหนึ่งไม่วางแผนระยะยาว เขาจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้” ความคิดเชิงยุทธศาสตร์ของสี จิ้นผิง แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในการคิดในภาพรวม มองในระยะยาว และเข้าใจในสถานการณ์โดยรวม
ในช่วงเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา จากการดำรงตำแหน่งในมณฑลเจ้อเจียงและเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน จนกลายเป็นผู้นำระดับชาติ สี จิ้นผิง ได้วางแผนการพัฒนาภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีอย่างบูรณาการ ทำให้แผนการพัฒนาดังกล่าวกลายเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ ภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีได้กลายเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง และมีการพัฒนาคุณภาพสูง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ
นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู และมณฑลเจ้อเจียงที่มีเศรษฐกิจค่อนข้างเจริญล้วนตั้งอยู่ในภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี ภูมิภาคนี้มีพื้นที่ประมาณ 2% และมีประชากรประมาณ 10.4% ของพื้นที่และประชากรทั่วประเทศ แต่กลับมีผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า 20% ของทั่วประเทศในปี 2001
สี จิ้นผิง ตระหนักดีถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี ภูมภาคนี้สามารถพัฒนาเป็นเขตนำร่องในการบรรลุความทันสมัยของจีน และยังเป็นพื้นที่สำคัญในการยกระดับพลังรวมแห่งชาติ และความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก
หลังเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลเจ้อเจียงเมื่อปลายปี 2002 สี จิ้นผิง ได้ทำนายอนาคตของดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีว่า “หากมองเศรษฐกิจจีนเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจโลก ก็ยังต้องเข้าใจว่า การพัฒนาภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีเป็นจุดเด่นของการพัฒนาในจีน”
เมื่อต้นปี 2003 สี จิ้นผิงเสนอว่า การพัฒนามณฑลเจ้อเจียงควรเชื่อมประสานกับการพัฒนานครเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ มณฑลเจ้อเจียงยังต้องแสดงบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี เขากล่าวขณะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ต้องกุมโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ และปฏิบัติตามแนวโน้มที่ต้องเป็นไป
สี จิ้นผิง ยังกล่าวด้วยว่า การเชื่อมประสานกับการพัฒนาของนครเซี่ยงไฮ้เท่ากับการเชื่อมต่อกับโอกาส การพัฒนา โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ และความทันสมัย ผู้ที่เห็นสิ่งนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ และดำเนินการอย่างรวดเร็ว ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และเห็นผลลัพธ์ที่ดี
หลังจากนั้น สี จิ้นผิงได้พิจารณาถึงข้อได้เปรียบในทำเลที่ตั้งของมณฑลเจ้อเจียง และมีการวางแผนการพัฒนาของมณฑลเจ้อเจียงดังนี้ คือ เจ้อเจียงริเริ่มที่จะเชื่อมประสานกับนครเซี่ยงไฮ้ และดำเนินความร่วมมือในด้านต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การแบ่งงานอุตสาหกรรม การพัฒนาและใช้พลังงาน ตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแบบบูรณาการในภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี โดยความร่วมมือดังกล่าวจะดำเนินการในพื้นที่อ่าวหางโจวเป็นหลัก ปี 2003 ถือเป็นปีแรกแห่งการพัฒนาแบบบูรณาการของภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี
หลังย้ายออกจากมณฑลเจ้อเจียงเพื่อไปรับตำแหน่งใหม่ที่นครเซี่ยงไฮ้ สี จิ้นผิงยังคงสนับสนุนการพัฒนาแบบบูรณาการของภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีต่อไป เขาได้พิจารณาถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับภูมิภาคและระดับชาติ แล้วเสนอให้รวมนครเซี่ยงไฮ้อยู่ในแผนการพัฒนาแบบบูรณาการของภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี
สี จิ้นผิง กล่าวว่า เซี่ยงไฮ้ให้บริการพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีนั้นเป็นก้าวแรกในการให้บริการภูมิภาคลุ่มแม่น้ำแยงซีและพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ และเป็นสิ่งที่ต้องทำในการเสริมสร้างบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับความสามารถของนครเซี่ยงไฮ้ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก
จากการพัฒนามาเป็นเวลากว่าสิบปี ปัจจุบัน ภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีได้พัฒนาเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีชีวิตชีวา เปิดกว้าง และมีการสร้างนวัตกรรมมากที่สุดในประเทศจีน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรกในปี 2018 สี จิ้นผิงประกาศว่า จีนได้ยกระดับการพัฒนาแบบบูรณาการของภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีให้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ
(yim/cai)