นางหลี่ ตงจวี๋(李冬菊) ปีนี้อายุ 65 ปี เป็นชาวเมืองเจิ้งโจวมณฑลเหอหนานภาคกลางของจีน เป็นพนักงานธรรมดาของโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่ง ปี 2013 เธอเกษียญอายุ มีวันหนึ่ง เห็นหนุ่มหลายคนสวมหมวกกันน็อก สวมชุดขี่ จักรยานเสือภูเขาดูเป็นมืออาชีพ เท่มาก
คุณป้าสนใจ จึงไปซื้อหมวกขี่จักรยาน แล้วปั่นจักรยานรุ่นเก่าที่บ้านราคาแค่ร้อยกว่าหยวนเท่านั้น เธอใส่หมวกและปั่นจักรยานไม่กี่ครั้ง ก็เกิดความรู้สึกสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยมีมานานแล้ว
คุณป้าหย่าร้างกับสามีนานปีแล้ว และทำให้เป็นโรคซึมเศร้าด้วย เมื่อลูกของเธอรู้สาเหตุที่คุณแม่ใส่หมวกปั่นจักรยาน ก็ออกเงินซื้อจักรยานเสือภูเขาราคาพันกว่าหยวน เพื่อหวังให้แม่อารมณ์ดีมีความสุขยิ่งขึ้น
คุณป้าหลี่ ตงจวี๋ได้จักรยานเสือภูเขาที่ใหม่เอี่ยมแถมสวยถูกใจ ก็ดีใจมาก มีเวลาว่างก็ออกไปปั่นจักรยานในบริเวณโดยรอบ มีครั้งหนึ่ง เธอคิดว่าน่าจะไปไกลหน่อย ไปดูโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ เธอเริ่มมีความคิดที่จะปั่นจักรยานไปต่างประเทศ
เมื่อบอกไอเดียนี้กับลูก ลูกตกใจ บอกว่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะแม่ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล ยิ่งไม่ต้องคิดเรื่องที่จะไปต่างประเทศ
แต่คุณป้ายืนหยัดและขอความเห็นใจความเข้าใจจากลูกอย่างไม่ลดละ สุดท้ายลูกต้องยอม แต่เน้นกับแม่ว่า ต้องระวังความปลอดภัยอย่างสูง
ด้วยการสนับสนุนจากลูกชาย คุณป้าเตรียมเดินทางไปต่างประเทศอย่างสนุกสนาน เธอไปทําหนังสือเดินทางและวีซ่า เลือกเส้นทาง ซื้ออุปกรณ์และหาเพื่อนขี่จักรยาน ในช่วงเวลานั้นเธอยุ่งมาก เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องที่ไม่สนุกเลย
เดือนพฤศจิกายนปี 2014 หลี่ตงจูและเพื่อนนักปั่นจักรยานสองคนที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต รวมเป็นทีมและออกเดินทางไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลี่ตงจูนั่งรถไฟจากหนานหนิงไปยังฮานอยของเวียดนาม และเริ่มต้นการปั่นจักรยานทางไกลครั้งแรกของเธอ
ช่วงแรกทั้ง 3 คนยังปั่นจักรยานด้วยกันและดูแลกันอยู่ แต่อีกไม่นานก็แยกกันไปเนื่องจากความเร็วในการปั่นของทั้ง 3 คนไม่เท่ากัน เรื่องนี้ทําให้นางหลี่ ตงจวี๋ที่ไม่มีประสบการณ์ต้องทนทุกข์ทรมาน เธอกล่าวว่า
"ตอนนั้นคิดว่ามีเพื่อนร่วมทีม ดังนั้นหลายสิ่งหลายอย่างจึงไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ เช่น ไม่ได้เปลี่ยนบัตรโทรศัพท์ล่วงหน้า ทําให้ไม่สามรถติดต่อกับเพื่อนร่วมทีมในต่างประเทศ" นอกจากนั้น มือถือที่คุณป้าใช้ในเวลานั้นยังเป็นรุ่นเก่าสำหรับผู้สูงอายุ ไม่มีฟังก์ชั่นทันสมัย ทําให้เธอลําบากมาก
คุณป้าเร่ร่อนในต่างประเทศเพียงคนเดียว รู้สึกกลัวและเป็นกังวลอย่างยิ่ง กระทั่งเคยร้องไห้ริมถนน แต่โชคดีที่ได้เจอหนุ่นจีนคนหนึ่งที่ใจดี เมื่อถามสาเหตุแล้ว ก็รับคุณป้าไปพักที่บ้าน แล้วซื้อตั๋วรถไฟให้คุณป้ากลับจีน
หลังกลับจีน คุณป้าไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ปั่นจักรยานไปท่องเที่ยวเมืองลี่เจียง เพราะรู้ว่ามีวิวสวยงามมาก เงินเกษียญอายุของคุณป้าไม่สูง เพียงแค่ 3,000 กว่าหยวนต่อเดือน พอเงินใกล้หมด คุณป้าไปสมัครเป็นพนักงานทำความสะอาดโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้เก็บเงินแล้วเดินทางต่อไปมณฑลยูนนาน ทิเบต ซินเจียงและชิงไห่ที่อยู่ทางภาคตะวันตกของจีน ได้เห็นวิวสวยงามมากมาย อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาก
คุณป้าหลี่ ตงจวี๋กลายเป็นผู้ที่มีประสบการณ์บ้างลแล้ว เธอมุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจัดทีมปั่นจักรยานที่มีสมาชิก 3 คนอีกครั้ง แต่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยได้ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ และเรียนรู้วิธีการนำร่องด้วยมือถือ และซอฟต์แวร์แปลภาษา เป็นต้น หลังจากนั้น ได้ปั่นจักรยานจากเมืองหนานหนิงไปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คือ เวียดนาม ลาว ไทยและกัมพูชา เฉพาะในเมืองไทยก็ใช้เวลา 44 วัน
คุณป้าบอกว่า “เราไม่มีเงินเข้าพักโรงแรม เมื่อเหนื่อยแล้วหาที่ว่างตั้งกระโจม และยังใช้ชีวิตร่วมกันกับชาวบ้านท้องถิ่น ได้เก็บความทรงจำสนุกสนานมากมาย”
คุณป้ามีประสบการณ์ที่มีความสำเร็จ เธอจึงมีความกล้ายิ่งขึ้น เดือนเมษายนปี 2019 คุณป้าเริ่มการท้าทายใหม่ในอาชีพการปั่นจักรยานอีกครั้งคือ ปั่นจักรยานไปเที่ยวยุโรปคนเดียวเท่านั้น คุณป้าเรียนพูดภาษาอังกฤษได้แค่ 4 คำ คือ "sorry" "ok" "no" "thank you" แต่คิดไม่ถึงว่าการเดินทางไปยุโรปแค่นี้ก็พอแล้ว
คุณป้าได้ปั่นจักรยานเดินทางไปนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ตอนที่เดินทางอยู่ในออสเตรเลีย มีวันหนึ่งได้พบไฟไหม้ภูเขา เธอกล่าวว่า “เวลานั้นฉันขี่จักรยานในป่า เจอคว้นที่หนักมาก เมื่อเดินต่อไปในป่า พบว่ามีเปลวไฟ จึงรีบถ่ายภาพและไปแจ้งต่อสำนักงานที่อยู่ใกล้บริเวณ พาหนุ่มหลายคนไปจุดที่เกิดไฟไหม้ จึงสามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ ” คุณป้าพูดด้วยความภาคภูมิใจ
จนถึงปัจจุบัน คุณป้าหลี่ ตงจวี๋ได้ขี่จักรยานตลุยมาแล้ว 12 ประเทศ ได้แก่เวียดนาม กัมพูชา ไทย ลาว เซอร์เบีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มอนเตเนโกร โครเอเชีย โมนาโก ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย
คุณป้าเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้าหลังหย่าร้าง แต่ก่อน เมื่ออยู่บ้านไม่มีใครเป็นเพื่อน อารมณ์ไม่ดี ก็จะโทรศัพท์เรียกลูกกลับบ้าน ถึงแม้ลูกยังอยู่ในเวลาทำงาน แต่ก็รีบกลับบ้านมาดูแล
แต่หลังจากการปั่นจักรยานไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ อารมณ์ของฉันผ่อนคลายอย่างมาก ฉันสนใจวิวสวยงามต่างๆ ริมถนน ได้รู้จักเพื่อนใหม่จำนวนมาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องอดีตแล้ว
คุณป้ากล่าวว่า “ลูกซื้อจักรยานเสือภูเขามาให้คันหนึ่ง หลังจากนั้นฉันก็ซื้อจักรยานพับอีก 2 คัน มีคันหนึ่งราคาแพงสุดคือ 3,000 หยวน จักรยานเหล่านี้เป็นเพื่อนดีของฉัน ทำให้ฉันที่เดิมเป็นคนขี้กลัว ต้องอาศัยคนอื่น มาเป็นคนใจกว้างและกล้าทำกล้าตัดสินใจ เมื่อไปถึงสถานที่แห่งใหม่ ฉันมักจะเขียนบันทึกลงในไดอารี่ เพื่อช่วยจดจำเรื่องราวที่ดีงามต่างๆ ที่พบเจอระหว่างการเดินทาง ”
เดือนมีนาคมปีนี้ คุณป้าหลี่ ตงจวี๋เริ่มการเดินทางรอบใหม่ แต่คราวนี้เธอปั่นจักรยานจากบ้านเกิดเมืองเจิ้งโจวไปยังหมู่บ้านปาหม่าที่เป็นหมู่บ้านอายุยืนชื่อดังของกวางสี เธอกล่าวว่า ฉันจะบำรุงร่างกายให้ดีในหมู่บ้านที่มีวิวสวยและบรรยากาศสบายก่อนที่จะเริ่มความฝันในการปั่นจักรยานรอบโลก
คุณป้ากล่าวว่า ความปรารถนาของฉันคือเมื่อใดที่ฉันไม่สามารถปั่นจักรยานได้แล้ว ฉันจะเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์การปั่นจักรยานในพื้นที่ต่างๆของโลก ถ้าหากสามารถตีพิมพ์จำหน่ายและได้ค่าต้นฉบับบ้าง ฉันจะบริจาคเงินเหล่านี้ให้กับเด็กๆ และผู้สูงอายุในเขตภูเขาที่ยากจน