วันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2002 หน้าข่าวประเด็นร้อนของหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่ได้เผยแพร่บทความหัวข้อ “โชคชะตาอันพลิกผันหักเหของอดีตทหารผ่านศึกซานเหย่(ซานเหย่ย่อมาจาก กองทัพสนามที่ 3 ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน)”ซึ่งรายงานถึงสภาพของหลี่ เจาจิน อดีตทหารผ่านศึกซานเหย่
หลี่ เจาจินเดิมชื่อเฉิน ซื่อจิ้ง เคยเข้าร่วมการสู้รบสำคัญหลายครั้ง เช่น ยุทธการข้ามแม่น้ำแยงซี เคยสร้างผลงานทางทหารที่ได้รับการยกย่องหลายครั้ง หลังจากปลดประจำการจากกองทัพและกลับไปยังบ้านเกิดของเขาที่หมู่บ้านเซี่ยงถัง ตำบลป่างโถว อำเภอเซียนโย๋ว เขามิได้แพร่งพรายคุณงามความดีที่เขาทำมาเนิ่นนานหลายทศวรรษ แต่โชคไม่ดีที่เขาและลูกชายต่างป่วยเป็นโรคมะเร็งในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา ครอบครัวที่มีหกคนมีเพียงลูกสะใภ้คนเดียวที่สามารถทำมาหากินได้ แหล่งรายได้เดียวคือเงินช่วยเหลือเดือนละ 163 หยวนที่มอบให้โดยหน่วยงานกิจการพลเรือน
เมื่อเข้าตาจน หลี่ เจาจินจึงได้ขอให้ผู้มีจิตอาสาช่วยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งด้วยภาษาที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และได้ประทับตราคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อยืนยันว่าปัญหาของเขาเป็นเรื่องจริง และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆให้การสนับสนุนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเขา จากนั้นเขาได้มีโอกาสพบผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่
วันที่ 18 มิถุนายน นายสี จิ้นผิง ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้นได้เห็นรายงานข่าวดังกล่าว จึงเจียดเงิน 1,000 หยวนจากเงินเดือนและมอบหมายให้ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่นำไปมอบให้กับหลี่ เจาจิน พร้อมทั้งให้คำแนะนำในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 29 มิถุนายน ณ หมู่บ้านเซี่ยงถัง ตำบลป่างโถว อำเภอเซียนโย๋ว บริเวณหน้าเตียงนอนของหลี่ เจาจินซึ่งป่วยอยู่ ญาติคนหนึ่งอ่านคำแนะนำของนายสี จิ้นผิงเป็นภาษาถิ่นผูเซียนเสียงดังฟังชัดว่า “ทหารผ่านศึกรุ่นเก่าอย่างนายหลี่ เจาจิน ซึ่งเคยได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดเนื้อเพื่อชัยชนะของการปฏิวัติ ควรให้พวกเขามีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิตเหมือนคนชราอื่นๆ …”
ยังไม่ทันอ่านจบ หลี่ เจาจินก็น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความตื้นตันใจ เขากำเงินปลอบขวัญของผู้ว่าการมณฑลไว้แนบอก ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสะเทือนใจ
ริมฝีปากของหลี่ เจาจิน เปิดเล็กน้อย เขาพูดๆหยุดๆว่า “เพื่อปลดปล่อยคนจน เพื่อนทหารส่วนใหญ่ได้อุทิศชีวิต ผมมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อย ได้รับบาดเจ็บก็ไม่กี่ครั้ง ท่านผู้ว่าฯใส่ใจผมมากเช่นนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ”
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลี่ เจาจิน ทำให้นายสี จิ้นผิงมีความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหากรณีเดียวกับหลี่ เจาจินอย่างเบ็ดเสร็จผ่านการปรับปรุงกลไกให้สมบูรณ์ขึ้น
คำบรรยายภาพ : วันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2001 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน ได้เดินทางไปสำรวจข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการวิจัยที่ตำบลทังชวน อำเภอโย๋วซี เมืองซานหมิง มณฑลฝูเจี้ยน (ภาพจาก หนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่)
นายสี จิ้นผิง ยังได้ให้คำแนะนำว่า “เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคม เราควรหาทางจัดตั้งกลไกช่วยเหลือสังคมในขณะที่หน่วยงานกิจการพลเรือนทุกระดับเพิ่มการช่วยเหลือกลุ่มผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม เช่น ผู้ป่วย ผู้พิการ และกลุ่มคนที่เข้าข่าย “การประกันห้าประการ” (การประกันห้าประการหมายถึงการให้หลักประกันแก่ผู้ด้อยโอกาสในห้าด้านอันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล และการฌาปนกิจศพ ซึ่งเป็นระบบที่ดำเนินการในชนบทจีนเป็นหลัก) เราก็ควรระดมทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาอย่างทันท่วงที”
ตามเจตนารมณ์คำแนะนำของนายสี จิ้นผิง มณฑลฝูเจี้ยนได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบประกันชีวิตมาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้อยู่ในขณะนั้นอีกระดับ สร้างกลไกช่วยเหลือที่สื่อสารกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานระดับบนกับระดับล่าง ทุกฝ่ายต่างก็เอาใจใส่ และก่อรูปขึ้นเป็นพลังรวม ในขณะเดียวกันยังเรียกร้องหน่วยงานกิจการพลเรือนต้องแสดงบทบาทตามหน้าที่ จัดตั้ง ประสานงาน ประชาสัมพันธ์ และระดมทุกภาคส่วนในสังคม รวมถึงกลุ่มสังคมที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนอย่างจริงจัง
ต่อจากนั้น ผู้นำพรรคฯและหน่วยงานภาครัฐระดับต่างๆในเมืองผู่เถียนได้ไปที่บ้านของหลี่ เจาจินเพื่อปลอบขวัญ อำเภอเซียนโย๋วได้ระดมกำลังอย่างกว้างขวางจากทุกสาขาอาชีพเพื่อจับคู่ช่วยเหลือสมาชิกพรรคฯและประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งยังศึกษาข้อมูลอย่างแข็งขันเพื่อกำหนดกลไกการช่วยเหลือระยะยาว คณะกรรมการพรรคฯประจำตำบลป่างโถวได้จัดการประชุมพิเศษเพื่อสำรวจข้อมูลกลุ่มผู้ขัดสน ลงทะเบียน พร้อมดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือต่างๆ
เช้าตรู่ของวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 หลี่ เจาจิน วัย 83 ปี ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ก่อนหน้านี้ ปัญหาเรื่องการเรียนของหลานชายสองคนซึ่งเขาใส่ใจมากที่สุด ได้รับการแก้ไขผ่านการจัดคู่ให้ความช่วยเหลือแล้ว
ต่อจากนั้นฝูเจี้ยนได้ค่อยๆ สลายโครงสร้างระบบประกันสังคมระหว่างเมืองกับชนบทที่เป็นสองมาตรฐาน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 ฝูเจี้ยนได้ขยายระบบประกันชีวิตมาตรฐานขั้นต่ำไปยังพื้นที่ชนบท โดยกำหนดให้ปัญหาความยุ่งยากด้านการผลิต การดำรงชีวิต การรักษาโรคร้ายแรงและอื่นๆ ของครอบครัวยากจนซึ่งรวมถึง “ครัวเรือนรับประกัน 5 ประการ”ในชนบท เป็นอันดับแรกในการแก้ไข
ปี ค.ศ. 2004 ฝูเจี้ยนได้เปิดตัวโครงการนำร่องระบบความร่วมมือใหม่ด้านการรักษาพยาบาลในชนบท ช่วยให้เกษตรกรสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ถึงปี ค.ศ.2019 ฝูเจี้ยนบรรลุการมีมาตรฐานเดียวกันระหว่างเมืองกับชนบทในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างครอบคลุม กลายเป็นมณฑลที่ 5 ของประเทศที่การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากในเมืองกับชนบทมีมาตรฐานเดียวกัน
IN/LU