งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE ) ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 5 - 10 พฤศจิกายนนี้
วันที่ 7 พฤศจิกายน นายสกรรจ์ แสนโสภา กงสุล (ฝ่ายพาณิชย์)สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวไชน่ามีเดียกรุ๊ปในประเด็น งาน CIIE ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
นายสกรรจ์ แสนโสภาบอกผู้สื่อข่าวว่า ปีนี้มีผู้ประกอบการไทยกว่า 50 รายมาร่วมงาน และยึดโอกาสนี้แสดงความเป็นไทยด้วย ท่านกล่าวว่า การร่วมงาน CIIE ครั้งนี้ เราไม่ได้ร่วมแค่นำผู้ประกอบการมา เรามี Hall ประเทศไทย Hall ประเทศไทยก็เป็นเหมือนหน้าต่างประเทศไทยซึ่งปีนี้เรามีการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องอาหารเป็นหลัก ก็มีการนำเสนอตราเครื่องหมาย Thai SELECT ซึ่งเป็นตราที่จะให้กับสินค้าไทยที่มีรสชาติแท้ ๆ นอกจากเครื่องหมาย Thai SELECT ที่ให้กับรสชาติแท้ ๆ แล้ว เรายังมีการให้เครื่องหมาย Thailand Trust Mark หรือ T Mark ซึ่งมันมีประโยชน์ในแง่ของผู้นำเข้าฝั่งจีน ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่ได้เครื่องหมาย T Mark เขาอาจจะไม่รู้จักว่า สินค้านี้เป็นยังไง แต่ว่าบริษัทที่ได้เครื่องหมาย T Mark แล้วมันเหมือนกับกระทรวงพาณิชย์ guarantee ว่า สินค้าตัวนี้มันได้มาตรฐานในระดับที่สูงพอสมควรแล้ว ก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำเข้าฝั่งจีน
นายสกรรจ์ แสนโสภากล่าวว่า นอกจากเรื่องของอาหารแล้ว ยังมี mode เรื่องของการท่องเที่ยวด้วย เขาเน้นว่า ปีนี้เราจัดเกี่ยวกับสตรีทฟู้ด(street food) เพราะว่า สตรีทฟู้ดของไทยเป็นอะไรที่สะดวกสบาย มีความสนุกสนาน เป็นการสะท้อนถึงการเป็นประเทศไทยและมีความสุข เราก็ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่จะเดินต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้าว่า เราจะทำอะไรกันบ้าง ก็จะมีเรื่องของส่งเสริมภาพยนตร์ มีเรื่องของงานแฟชั่น มีเรื่องของการออกแบบดีไซน์ รวมถึงยังมี mode ของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนซึ่งปัจจุบันก็มีการส่งเสริมเกี่ยวกับการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่นรถไฟฟ้า EV เศรษฐกิจสร้างสรรค์เหล่านี้ ก็เป็น mode นิทรรศการที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักลงทุนจากประเทศจีนที่ไปลงทุนที่ประเทศไทย
ปีนี้เป็นครบรอบ 10 ปีที่จีนนำเสนอข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เมื่อเดือนที่แล้ว จีนยังได้จัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางครั้งที่ 3 นายสกรรจ์ แสนโสภาชื่นชมบทบาทสำคัญของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้านการเชื่อมโยง ท่านกล่าวว่า ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางถือเป็นนโยบายที่ส่งเสริมและเปิดกว้างให้นานาประเทศมาเชื่อมโยง รู้จักกัน การเชื่อมโยงทำให้ทุกประเทศได้ประโยชน์จากการเปิดกว้าง ทำให้การค้าการลงทุนระหว่างกันมีความลื่นไหลแล้วก็เต็มไปด้วยมิตรภาพ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกันด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งปัจจุบันเรามีเส้นทางรถไฟลาว-จีนแล้วซึ่งจะเชื่อมมาที่ประเทศไทยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนก็เหมือนกับเส้นทางนี้จะเชื่อมจีนกับอาเซียนทั้งหมด ในขณะเดียวกัน เส้นทางนี้ก็ยังสร้างประโยชน์ให้กับประเทศจีน เพราะจีนตอนในก็จะสามารถติดต่อเชื่อมโยงกับอาเซียนอย่างง่ายเลยในอนาคต แล้วก็มีการไปมาหาสู่กัน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา เรื่องนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ข้าพเจ้าคิดว่า จริง ๆ แล้วมิติสุดท้ายของไทยกับจีนมันมีความสอดคล้องกันในหลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะล่าสุด เป็นเรื่องของการช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ก็จะมีหลาย ๆ มาตรการที่ไทยกับจีนมีความร่วมมือเรื่องพวกนี้อยู่ร่วมกัน
งาน CIIE จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ต่อเนื่องกันมา 6 ครั้งแล้ว นายสกรรจ์ แสนโสภาได้วิเคราะห์ข้อได้เปรียบและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของนครเซี่ยงไฮ้ เขากล่าวว่า ก็จริง ๆ แล้ว ถ้านักธุรกิจไทยอยากจะมาลงทุนในประเทศจีน เซี่ยงไฮ้ก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งเพราะว่าเราก็คัดกรองกันแล้ว ถ้าจากประเทศจีนถ้าเรามองจากเหนือจดใต้ เซี่ยงไฮ้ก็อยู่ตรงกลาง เพราะฉะนั้นมาลงตรงกลางก็ถือว่าเป็นจุดสำคัญ นอกจากนี้ บริเวณรอบเซี่ยงไฮ้ยังเป็นเมืองที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นเจียงซู เจ้อเจียงและอันฮุย มณฑลเหล่านี้เป็นมณฑลที่จีดีพีค่อนข้างสูง แล้วก็มณฑลที่อยู่รอบ ๆ เซี่ยงไฮ้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเก่งเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งประเทศไทยก็อยากจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทยเช่นกัน ในช่วงที่รองนายกรัฐมนตรี ท่านภูมิธรรม เวชยชัยมาเยือนเซี่ยงไฮ้ เราก็ได้มีการเชิญผู้ประกอบการเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาประชุมร่วมกันว่าจะบริษัทเหล่านี้จะช่วยแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยยังไง ก็มีหลายบริษัทเข้าร่วมการประชุม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผลิตรถไฟฟ้า ผลิตแบเตอร์รี่ มีโรงละครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งในอนาคตเราจะมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น
(Yanzi/Cui)