แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)ที่ไหลเข้าสู่จีนจะมีการผันผวนบ้างก็ตาม แต่จีนยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากจีนใช้นโยบายที่เอื้อและเปิดประเทศให้กว้างยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อต่างประเทศบางสำนักอ้างคำพูดของนักวิเคราะห์บางคนมารายงานว่า ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีนลดลง และบริษัทต่างชาติกำลังถอนเงินทุนออกจากจีน แต่การรายงานข่าวดังกล่าวไม่สอดคล้องกับภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้าจีน ดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญ และความคิดเห็นของบริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ที่ต้องการลงทุนในจีน
ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในแผ่นดินใหญ่จีนเป็นเงิน 9.199 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.28 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แต่การเปรียบเทียบดังกล่าวอิงจากตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นเงิน 1.891 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบัน จีนยังคงเป็นประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากเป็นอันดับสองของโลก
ความผันผวนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทุกประเทศ สิ่งที่น่าสังเกตคือ ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมทางธุรกิจระหว่างประเทศและการลงทุนข้ามชาติเต็มไปด้วยความท้าทาย ตามรายงานการลงทุนโลกปี 2023 ที่เผยแพร่โดยการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ คาดว่า ปีนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของทั่วโลกจะยังคงลดลงต่อไป หลังจากเมื่อปีที่แล้วที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของทั่วโลกลดลงร้อยละ 12
แม้ว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของจีนจะลดลงบ้าง แต่กลับมีบริษัทต่างชาติจำนวนมากขึ้นที่กำลังลงทุนในจีน ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนแสดงให้เห็นว่า ช่วงสามไตรมาสแรกปีนี้ วิสาหกิจทุนต่างชาติในจีนเพิ่มขึ้น 37,814 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงที่ผ่านมา ในจีนโครงสร้างการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีการปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสาขาอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร ตลอดจนการวิจัยพัฒนา และธุรกิจบริการด้านการออกแบบเติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้ขยายการเปิดประเทศให้กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรณีล่าสุดคือ การจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องซินเจียง (FTZ) ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน นับเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์จีนเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปและเปิดกว้างในยุคใหม่ เขตการค้าเสรีนำร่องดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการสร้าง “ช่องทางทอง” ระหว่างเอเชียและยุโรป และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าสำหรับการเปิดประเทศทางตะวันตกของจีน
ในการประชุมสุดยอดความร่วมมือระหว่างประเทศหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(Belt and Road Forum for International Cooperation) ครั้งที่ 3 เมื่อเดือนที่แล้ว จีนแถลงว่า จะยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดเกี่ยวกับการเข้าถึงการลงทุนจากต่างชาติในภาคการผลิต ยกระดับการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูงในการค้าและการลงทุนภาคบริการข้ามพรมแดน และขยายการเข้าถึงตลาดจีนสำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามกติกาทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่มีมาตรฐานสูง กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า จีนจะลดบัญชีรายชื่อต้องห้ามสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในบางธุรกิจต่อไป นโยบายที่เอื้อเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ ผลการสำรวจบริษัททุนต่างชาติ 700 บริษัทในจีนที่จัดทำโดยสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของจีนประสบความสำเร็จ จากรายงานการสำรวจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัทต่างชาติในจีนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้พบว่า บริษัทที่สำรวจกว่าร้อยละ 80 ตอบว่า พึงพอใจกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีน
ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า บริษัททุนต่างชาติในจีนกว่าร้อยละ 70ระบุว่า ห่วงโซ่อุตสาหกรรมในจีนมีเสถียรภาพ ตัวเลขเหล่านี้สูงกว่าไตรมาสที่สองร้อยละ 4.57 นอกจากนี้ บริษัทกว่าร้อยละ 80 คาดว่า ผลกำไรในปีนี้จะเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว
นักลงทุนต่างชาติสนใจการลงทุนในจีนนั้นยังเห็นได้จากงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติต่างๆ ในงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ขึ้น และมีบริษัทใหญ่ที่สุด 500 อันดับแรกของโลก และบริษัทชั้นนำอื่นๆ จากประเทศต่างๆทั่วโลกมาร่วมงานครั้งนี้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา ในการประชุมสุดยอดของบริษัทข้ามชาติครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้นที่เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการลงนามโครงการลงทุนจากต่างประเทศรวม 194 โครงการ มูลค่ารวม 200,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อปลายเดือนตุลาคม รายงานที่เผยแพร่ในฟอรั่มการเงินระหว่างประเทศ(International Financial Forum)ระบุว่า ช่วงสามไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 5.2 และคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 5.2 และร้อยละ 5 ในปีหน้า(2024)
สรุปได้ว่า เนื่องจากจีนมีทั้งตลาดขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โมเดลธุรกิจใหม่ และบริบทใหม่ในการสร้างนวัตกรรม ตลอดจนมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปิดประเทศให้กว้างขึ้น ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จีนจึงยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักลงทุนทั่วโลกย่างไม่ต้องสงสัย
(IN/cai)