วันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2000 ในการประชุมครั้งแรกของคณะผู้บริหารการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมณฑลฝูเจี้ยน มีการกำหนดให้ตำบลซ่างเจีย อำเภอหมิ่นโหวเป็นที่ตั้งของเมืองมหาวิทยาลัย นายสี จิ้นผิงกำชับว่าการวางแผนสร้างเมืองมหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความต้องการด้านการพัฒนาวิทยาเขตใหม่ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น หากยังต้องคำนึงถึงความต้องการด้านการพัฒนาของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและความต้องการด้านการพัฒนาชุมชนซึ่งเกิดขึ้นจากการสร้างเมืองมหาวิทยาลัยด้วย การก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เช่น การเรียนการสอน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การบริการโลจิสติกส์ เป็นต้น จะต้องมีการวางแผนแบบบูรณาการ เพื่อให้เกิดการแบ่งปันทรัพยากร
เนื่องจากการเตรียมการเบื้องต้นดำเนินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในช่วงต้นปี 2001 การสร้างเมืองมหาวิทยาลัยฝูโจวจึงถูกรวมอยู่ในรายชื่อโครงการที่คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและมณฑลฝูเจี้ยนเพื่อประชาชน ทั้งยังรวมไว้ใน “แผนห้าปีฉบับที่สิบ”ของมณฑลด้วย ซึ่งถือเป็นโครงการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในการพัฒนาภารกิจทางสังคมของฝูเจี้ยนตลอดช่วง “แผนห้าปีฉบับที่สิบ”
วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ในการประชุมประสานงานที่มีผู้ว่าการมณฑลเป็นประธาน แผนแม่บทเมืองมหาวิทยาลัยฝูโจวได้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมซึ่งได้กำหนดอย่างชัดเจนว่า การสร้างเมืองมหาวิทยาลัยไม่ใช่การย้ายสถานที่ตั้งและควบรวมกันอย่างง่ายๆของสถาบันอุดมศึกษาบางแห่ง แต่เป็นมาตรการสำคัญในการปรับตัวให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปรับโครงสร้างการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากร นําเข้าบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูง และยกระดับคุณภาพการศึกษา จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานและจัดทำหลักสูตรสาชาวิชาจากจุดเริ่มต้นที่มีระดับสูง และสร้างเมืองมหาวิทยาลัยให้เป็นฐานการศึกษาที่ดีที่สุดของเมืองฝูโจว
“ด้วยแนวคิดที่กระจ่าง การจัดวางที่เหมาะสม และการแบ่งงานที่ชัดเจน ภายใต้การส่งเสริมอย่างแข็งขันของสหายสี จิ้นผิง การสร้างเมืองมหาวิทยาลัยจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก” พาน ซินเฉิง รองผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้น และรองประธานคณะผู้บริหารการสร้างเมืองมหาวิทยาลัยฝูโจวเล่าย้อนหลังให้ฟัง
ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ ได้มีการสร้างเมืองมหาวิทยาลัยขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เมืองมหาวิทยาลัยฝูโจวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ในขณะนั้นทั้งในแง่ของพื้นที่ การวางแผนการเรียนการสอน และยอดการลงทุน
เอกลักษณ์ที่ใหญ่ที่สุดของแผนการสร้างเมืองมหาวิทยาลัยฝูโจวคือการหลุดพ้นจากโมเดลการจัดการเรียนการสอนแบบขนาดเล็กแต่ครอบคลุม ทลายขอบเขตระหว่างสถาบันการศึกษา บรรลุการแบ่งปันและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนการแบ่งปันโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ เช่น การเรียนการสอน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแบ่งปันบุคลากร ข้อมูลข่าวสาร สภาพแวดล้อม บรรยากาศ และทรัพยากรด้านซอฟต์แวร์อื่น ๆ อีกด้วย
คำบรรยายภาพ : นายสี จิ้นผิง โบกมือให้เหล่าคณาอาจารย์และนักศึกษาในระหว่างการตรวจเยี่ยมมหาวิทยาลัยหมิ่นเจียงในเมืองฝูโจวเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ.2021(ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)
ตั้งแต่การตอกเสาเข็มแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2002 ไปจนถึงการตรวจรับเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2003 การสร้างเมืองมหาวิทยาลัยเฟสแรกซึ่งมีพื้นที่เกือบ 400,000 ตารางเมตรใช้เวลาเพียง 228 วันเท่านั้น
ในเดือนกันยายนของปีนั้น นักศึกษาใหม่เกือบ 10,000 คนจากมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยฝูโจว และมหาวิทยาลัยครูฝูเจี้ยนด้วย ได้เข้าเรียนที่เมืองมหาวิทยาลัยฝูโจว ในเวลานี้ โครงการเมืองมหาวิทยาลัยเฟสที่ 2 ได้ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบตามแผนที่วางไว้ ส่วนเฟสที่ 3 ก็อยู่ระหว่างการวางแผนอย่างแข็งขันและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง เรื่องสำคัญๆหลายเรื่องที่ได้รับการส่งเสริมโดยมณฑลฝูเจี้ยนได้เร่งการพัฒนาและการยกระดับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในมณฑลฝูเจี้ยนเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น การควบรวมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฝูเจี้ยนกับวิทยาลัยป่าไม้ฝูเจี้ยนให้เป็นมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมและป่าไม้ฝูเจี้ยน การกําหนดแนวทางเกี่ยวกับการดําเนินการตามระบบการบริหารจัดการสถาบันการศึกษาของส่วนราชการมณฑล เพื่อให้มั่นใจว่างานปรับปรุงอาคารท่อของแต่ละมหาวิทยาลัยจะเสร็จสมบูรณ์ตามกําหนด ฯลฯ
“สหายสี จิ้นผิง ยืน ณ จุดที่สูงมาก(หมายถึงมองการณ์ไกล) การที่ท่านให้ความสำคัญกับการศึกษาระดับอุดมศึกษาและให้การสนับสนุนการสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยนั้นก็เพื่อมุ่งเน้นไปที่การปลูกฝังบุคลากรคุณภาพสูงให้กับประเทศและฝูเจี้ยนซึ่งถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่” นายพาน ซินเฉิงกล่าว
เช้าวันที่ 25 มีนาคม 2021 นายสี จิ้นผิง “อดีตอธิการบดี” ของมหาวิทยาลัยหมิ่นเจียงได้กลับมาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“สวัสดี ท่านเลขาธิการใหญ่!” “สวัสดี ท่านอธิการบดีสี!” เหล่าอาจารย์และนักศึกษาที่รออยู่ที่จัตุรัสมหาวิทยาลัยหมิ่นเจียงพากันตะโกนทักทายเสียงดังฟังชัด นายสี จิ้นผิงยิ้มและโบกมือให้พวกเขา
ในห้องนิทรรศการประวัติมหาวิทยาลัยหมิ่นเจียงและผลสำเร็จด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการประยุกต์ “ไม่แสวงหาสิ่งที่ใหญ่ที่สุด แต่แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด และแสวงหาการพัฒนาตนเองให้สอดรับกับความต้องการของสังคม” เป็นสิ่งที่สะดุดตามาก นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยหมิ่นเจียงไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว แต่ทิศทางการจัดการเรียนการสอนนั้นยังคงเดินตามเส้นทางเหมือนอดีต”
นายสี จิ้นผิงชี้ให้เห็นว่า“บุคลากรที่สังคมต้องการนั้นเป็นแบบรูปทรงปิรามิด สถาบันการศึกษาไม่เพียงต้องปลูกฝังบุคลากรด้านการวิจัยเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้งาน และปลูกฝังทักษะของคนรุ่นใหม่เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของสังคม”
คํากล่าวของนายสี จิ้นผิงนั้นลึกซึ้ง ทรงพลังและเปี่ยมด้วยความรัก เขากล่าวว่า “เพื่อบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้ 100 ปีที่สอง และเพื่อบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ จำเป็นต้องปฏิบัติตามภารกิจพื้นฐานในการปลูกฝังผู้คนให้มีศีลธรรมและปลูกฝังผู้สร้างสรรค์และผู้สืบทอดสังคมนิยมที่มีการพัฒนาอย่างรอบด้านทั้งคุณธรรม สติปัญญา ร่างกาย ศิลปะ และการใช้แรงงาน”
หากพิจารณาจากทั้งมณฑลฝูเจี้ยนที่มีสถาบันอุดมศึกษาทั่วไปรวม 89 แห่ง โดย 39 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรี เมื่อปี 2020 อัตราการเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาในมณฑลฝูเจี้ยนอยู่ที่ 57.88 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 3.48 เปอร์เซ็นต์ และเข้าสู่ขั้นตอนที่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงสถาบันอุดมศึกษาได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 2 ปี ภารกิจการศึกษาระดับอุดมศึกษาของฝูเจี้ยนปฏิบัติตามข้อแนะนำของนายสี จิ้นผิง ที่ว่า “เร่งสร้างมหาวิทยาลัยชั้นนำและสาขาวิชาชั้นนำ บรรลุการพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างมีคุณภาพ” เพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิผลการศึกษา และเดินบนหนทางการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง
IN/LU