วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าว ต่อเรื่องที่เมื่อปีที่แล้วจีนส่งออกรถยนต์จำนวน 4.91 ล้านคัน ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะเดียวกัน สหรัฐฯกำลังจะใช้มาตรการจำกัดการส่งออกด้านรถยนต์อัจฉริยะและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องของจีนด้วยรูปแบบนอกภาษีศุลกากร ส่วนสหภาพยุโรปก็ได้เริ่มต้นการตรวจสอบต้านการชดเชยต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีน จีนมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการนี้ 

นางเหมา หนิงตอบว่า ข้อมูลตัวเลขเกี่ยวกับการส่งออกรถยนต์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้วยคุณภาพสูงและพลังชีวิตที่แข็งแกร่งด้านการสร้างสรรค์ใหม่ทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของจีนอย่างเต็มที่ เอกลักษณ์เด่นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์คือการร่วมมือ เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน การพัฒนาแบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์จีนนั้น ได้เสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า เมื่อจีนส่งออกรถยนต์ 3  คัน ในนั้นมีรถยนต์พลังงานใหม่ 1 คัน จีนได้สร้างคุณูปการสำคัญต่อกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่คาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของโลก 

สำหรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่บางประเทศใช้ต่อจีนนั้น นางเหมา หนิงกล่าวว่า อย่างที่นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนชี้ให้เห็นว่า การใช้เรื่องการค้าที่เป็นปกติให้กลายเป็นเรื่องด้านความมั่นคงและจิตสำนึก ถือ “การขจัดความเสี่ยง” เป็นข้ออ้าง สร้าง “บ้านที่มีกำแพงกีดกันอย่างสูง” นั้น เป็นการกระทำที่ไม่มุ่งหวังทำให้ตนเอง “วิ่งเร็วยิ่งขึ้น” แต่จะพยายาม “ทำให้คนอื่นหกล้ม”  ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาชนะแล้ว แต่อันที่จริงคือทำให้การพัฒนาที่ยาวไกลของตนพ่ายแพ้ ทั้งส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าของความเจริญรุ่งเรืองของโลก    

นางเหมา หนิงกล่าว่า จีนมีความคิดเห็นมาโดยตลอดว่า ฝ่ายต่างๆควรสามัคคีกันไม่แบ่งพวก ร่วมมือกันไม่เป็นปรปักษ์ เปิดกว้างไม่ปิดกั้น ขณะที่รักษาผลประโยชน์ของตน ก็ควรให้ฝ่ายอื่นๆได้รับผลประโยชน์ด้วย  ขณะที่แสวงการพัฒนาของตน ก็ควรส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน สร้างบรรยากาศที่เป็นแบบสากล แบบการตลาดและบริหารภายใต้หลักกฎหมายต่อความร่วมมือทางการค้า ผลักดันให้โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจพัฒนาไปสู่ทิศทางที่มีความหลากหลายและนำประโยชน์สุขสู่ชาวโลกจำนวนมากยิ่งขึ้น