วันที่ 15 มีนาคม 2567 นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย–จีน ในฐานะประธานหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์สื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 พร้อมด้วยนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศราพาคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรจำนวนกว่า 60 คนเดินทางมาศึกษาดูงานที่สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG) สำนักงานเซี่ยงไฮ้
โดยนายพินิจและนายประสงค์ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภาคภาษาไทยของ CMG ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของสื่อสารมวลชน โดยนายพินิจชื่นชมว่าการรวมกลุ่มของ China Media Group (CMG) หรือ กลุ่มสื่อจีน ทำให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าในโลกปัจจุบันการนำเสนอข่าวมี 2 ขั้ว แม้จะเป็นข่าวเดียวกัน
ในขณะที่นายประสงค์มองว่ากลุ่มสื่อจีนมีทรัพยากรในด้านการลงทุนมากกว่าประเทศไทย มีการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความแตกต่างระหว่างการนำเสนอข่าวระหว่างสื่อจีนและไทย นายประสงค์มองว่าวัตถุประสงค์การนำเสนอข่าวของสื่อไทยจะมีความใกล้เคียงกับตะวันตก มุ่งเน้นเปิดเผยความจริง ควบคุมยาก ในขณะที่สื่อจีนจะรวมศูนย์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลใช้สื่อเป็นเครื่องมือพัฒนาประเทศตามแนวคิดสังคมนิยม ในขณะที่นายพินิจมองว่าจีนไม่ได้ปิดกั้นสื่อ พวกที่ออกมาโจมตีส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่เสียผลประโยชน์แต่ก็ยอมรับว่าแนวทางของข่าวจีนในช่องทางสื่อฯ มักจะสื่อสารออกมาในทิศทางเดียวกัน
และในวาระที่ปีนี้จีนครบรอบ 75 ปีการสถาปนาสาธาณรัฐประชาชนจีน นายพินิจมองว่าจีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากวันแรกของจีนใหม่ถึงปัจจุบันทั้งในเรื่องการขจัดความยากจน เทคโนโลยี การบินอวกาศ สภาพความเป็นอยู่ของประชาชน และยังมีส่วนในการช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เช่นเดียวกับนายประสงค์ที่ชื่นชมในเรื่องการขจัดความยากจนของจีน โดยบอกว่ามาจีนครั้งแรกในปี 2531 หรือเมื่อ 36 ปีก่อน ตอนนั้นพบเห็นคนนอนตามท้องถนน เวลาแค่เพียงไม่นานจีนสามารถจัดการเรื่องความยากจนได้อย่างมหัศจรรย์ แต่ในขณะดียวกันก็มองว่าหากจีนสามารถสร้างความสมดุลย์ในเรื่องของการขจัดความยากจนกับการแข่งขันในปัจจุบัน รวมถึงการแบ่งปันทางเศรษฐกิจโลกให้เกิดความเป็นธรรมจะสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับโลกได้
