เล่อหยิง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เช่นกัน เธอรู้ดีว่า ปัญหาของตัวเองคือ เธอพยายามทำให้คนอื่นพอใจมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงละทิ้งความเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะเธอกังวลว่าจะถูกทำร้าย เธอมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าในใจ แต่เธอไม่กล้ามีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เราอยากจะตกอยู่ในความเฉื่อยของชีวิต ไม่เปลี่ยนแปลง ขอให้เวลาผ่านไปเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน
เหตุผลที่เล่อหยิง ตัดสินใจเริ่มชกมวยก็เพราะเธอต้องการชนะสักครั้ง "ชัยชนะ" นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการชนะในการประกวด แต่เป็นการชนะเหนือตัวตนในอดีต ตราบใดที่ยืนหยัดในการทำสิ่งใดให้ถึงที่สุด ก็ถือว่าชนะแล้ว
ดังนั้น การรักตัวเองที่แท้จริงจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงตัวเองให้อยู่ในคอมฟอร์ตโซนของตัวเองตลอด มันไม่ใช่การวิจารณ์ตนเองและบังคับให้ตัวเองดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์บางประการ แต่มันเกี่ยวข้องกับการทุ่มเทความพยายามและยอมให้ตัวเองกลายเป็นอย่างที่คุณต้องการ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าใช้ความพยายามแล้วก็อาจจะไม่ได้ผลดีในที่สุด และไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าไม่ได้ประสบผลสำเร็จแบบที่ชาวโลกชื่นชอบ ก็ไม่เป็นไร เพราะเราทำตามใจของตัวเองแล้ว
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่อหยิง ในฐานะนักมวยสมัครเล่น ในที่สุดก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันบนเวทีจริง เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าตัวเองด้วยความต่างกันอย่างมาก เธอถูกชกไม่หยุด เกือบทุกเฟรมแสดงให้เห็นเธอที่กำลังถูกหมัดของคู่แข่ง เธอล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เธอก็ขอสู้จนครบเวลา สุดท้ายกรรมการตัดสินประกาศผลเธอเป็นผู้แพ้ แต่เธอก็โพสต์บน WeChat Moments ว่า ฉันชนะครั้งหนึ่ง การชนะนี้ไม่ได้หมายถึงการแข่งขัน แต่หมายถึงได้ชนะอดีตของตัวเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเราว่า คนธรรมดาทุกคนก็สามารถ "ชนะ" ได้ บางครั้งเราก็มีความต้องการในตัวเราเองมากมาย โดยเฉพาะผู้หญิง มักจะยอมทุกอย่าง เพื่อจะเป็นลูกสาวที่ดี เป็นภรรยาที่ดี และเป็นคุณแม่ที่ดี จึงบังคับตัวเองให้คิดทางบวกและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่กล้าหยุด
แต่หลายๆคนอาจรู้สึกว่า เมื่อตัวเองมีสภาพที่ดี จะมีความรู้สึกอึดอัดมากขึ้น หากคนอื่นเพียงบอกว่า คุณทำได้ คุณจะดีขึ้นแน่ๆ ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือคำยืนยันว่า คุณไม่จำเป็นต้องทำดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนยอดเยี่ยม คุณสามารถเป็นอย่างที่คุณเป็นในตอนนี้ได้ คุณสามารถแพ้เกมได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะพ่ายแพ้ในชีวิต
เมื่อดูภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายคนเริ่มร้องไห้ตั้งแต่ตอนที่เล่อหยิงเริ่มฝึกชกมวย เสียงสูดจมูกดังเข้ามาเรื่อยๆในโรงภาพยนตร์ และไม่หยุดจนกว่าจะจบ
บางคนบอกว่า เจี่ยหลิงไม่ได้เล่นบท แต่แสดงชีวิตของตนเอง บางคนประทับใจกับเล่อหยิงมาก โดยเฉพาะความเพียรพยายามและความอุตสาหะของเจี่ยหลิงในการฝึกฝนทุกวัน ซึ่งความอดทนและการยืนกรานระดับสูงนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทำได้ บางคนบอกว่า พวกเขาร้องไห้เพราะเห็นอกเห็นใจกับเล่อหยิง เพราะเคยมีประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากประสบความเจ็บปวดแสนสาหัส
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนสงสัยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเพราะการลดความอ้วน 50 กิโลกรัมหรือเปล่า และการที่เจี่ยหลิง ลดความอ้วนได้นั้นก็เพราะว่าได้จ้างบุคคลเชี่ยวชาญทางการบำรงสุขภาพและการออกกำลังกาย มีทีมงานเสนอความช่วยเหลือ และเธอทำอย่างนี้เพื่อบ็อกซ์ออฟฟิศ เพื่อเงิน แต่จริงๆแล้ว ทุกคนที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะรู้ว่า มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลดความอ้วน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างของเล่อหยิงนั้นเพียงทำให้ผู้ชมเข้าใจการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในใจของตัวละครได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเจี่ยหลิงก็ถือว่าเป็นดาราชื่อดังในจีนแล้ว ไม่ต้องการบังคับให้ตัวเองอดทนความลำบากขนาดนี้อีกแล้ว
เพราะฉะนั้น ขอบคุณเจี่ยหลิงที่สร้างตัวละครเล่อหยิงคนนี้ ทำให้คนธรรมดาอย่างพวกเราทุกคนรู้ว่า ในชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียว ถ้ามีสิ่งหนึ่งหนึ่งที่เราต้องทำ มันคืออะไร คำตอบก็คือ ต้องรักตัวเองให้ดี
ส่วนเรื่องอื่นๆทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง ในตอนท้ายของภาพยนตร์ คำถามเกี่ยวกับแอปเปิ้ลที่เล่อหยิงถามคุณพ่อนั้น ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ถ้ามีแอปเปิ้ล 2 ลูก เพื่อนอยากกิน ควรให้ลูกใหญ่หรือลูกเล็ก ก่อนหน้านี้ เล่อหยิงจะให้ทั้งสองลูก แต่ตอนนี้ คำตอบของเธอคือ มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกของหนูเอง
เชื่อว่า แม้ว่าอย่างไรก็จะมีคนสงสัยหรือปฏิเสธ เจี่ยหลิงคนปัจจุบัน ก็จะเหมือนกับเล่อหยิงที่เธอแสดง รู้จักรักตัวเอง ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตน