เมื่อย้ายมาทำงานที่มณฑลฝูเจี้ยน นายสี จิ้นผิงได้มีโอกาสร่วมปฏิบัติงานเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเลในทันที
เดือนกันยายนปี 1985 นายสี จิ้นผิง ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในเมืองเซี่ยเหมินมณฑลฝูเจี้ยนได้ไม่นานก็ได้เข้าร่วมการประชุมผู้ตรวจราชการ นายกเทศมนตรีเมือง และนายอำเภอทั้งมณฑล
ในที่ประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจากเมืองชายฝั่งทะเล เช่น ฝูโจว เซี่ยเหมิน ฉวนโจว และจางโจว ได้พากันแสดงความคิดเห็นอย่างคึกคักขณะหารือประเด็น“การเปิดประตูเมือง” ตัวแทนบางคนกล่าวด้วยความรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่า “การใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่เป็นข้อได้เปรียบของเมืองและดำเนินความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเลนั้นเป็นหนทางที่ย่อมต้องดำเนินการสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของฝูเจี้ยน”
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผ่านมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่มีการเสนอยุทธศาสตร์ว่าด้วยการพัฒนาระดับท้องถิ่นอันได้แก่ “การพัฒนาให้ดีทั้งเรื่องเกี่ยวกับภูเขาและเรื่องเกี่ยวกับทะเล และดำเนินความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเลให้ดี” เมืองต่างๆ ในฝูเจี้ยนได้เริ่มทยอยเปิด “ประตูภูเขา” และ “ประตูเมือง” การแลกเปลี่ยนระหว่างพื้นที่ภูเขากับพื้นที่ชายฝั่งทะเลก็ค่อยๆ เกิดขึ้นบ่อยขึ้น โดยเมืองเซี่ยเหมินก็ได้มีการติดต่อเพื่อความร่วมมือกับเมืองหลงเหยียน ซานหมิง และพื้นที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน
นายสี จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุมว่า “ความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจเขตพิเศษแยกไม่ออกจากการบูรณาการอย่างเหมาะสมกับพื้นที่ภูเขาและการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ห่างไกลก็เป็นภารกิจสำคัญของเขตพิเศษเช่นกัน” ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในเวลานั้นเซี่ยเหมินวางแผนที่จะนำเข้าและเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ดี จึงต้องการพื้นที่ทุ่งหญ้า 100,000 โหม่วหรือ 41,667 ไร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพื้นที่ภูเขา
คำบรรยายภาพ : ปี 1985 นายสี จิ้นผิง ย้ายจากอำเภอเจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ย ไปทำงานที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ภาพนี้ถ่ายไว้ขณะนายสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยเหมินเดินทางไปดูงานต่างประเทศ (ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)
ณ ที่ประชุม นายสี จิ้นผิง รองนายกเทศมนตรีซึ่งเสนอขอรับผิดชอบดูแลภาคเกษตรกรรมในทันทีหลังเข้าทำงานที่เมืองเซี่ยเหมินก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้พูดแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง แต่พูดตรงจุดตรงประเด็นว่า “เซี่ยเหมินต้องกำหนดวิธีการในการอำนวยความสะดวกสบายและมอบสิทธิพิเศษมากยิ่งขึ้นอีกระดับเพื่อเสนอ ‘หน้าต่าง’ให้กับพื้นที่ภูเขา ดำเนินความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเลด้วยรูปแบบอันหลากหลายมากยิ่งขึ้น ศึกษาวิจัยรูปแบบการพัฒนา กำหนดการแบ่งงานในระดับท้องถิ่นให้ชัดเจน ดำเนินการเผยแพร่เทคโนโลยีและการแปรรูปผลิตภัณฑ์อย่างมีคุณภาพสูงให้ดี อีกทั้งยังต้องขยายบทบาทของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทั้งระดับมณฑลและเมืองที่มีอยู่ในเซี่ยเหมิน นำเข้าและเผยแพร่พันธุ์ดี เสนอช่องทางในการทำรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศผ่านการส่งออก พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยการค้า อุตสาหกรรมและการเกษตร ตลอดจนค้นพบหนทางใหม่ของภาคการเกษตรเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดำเนินความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเล”
ระหว่างวันที่ 24 เมษายน - 1 พฤษภาคม ค.ศ.1986 นายสี จิ้นผิง ซึ่งเป็นกรรมการประจำคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยเหมินในขณะนั้น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเขตเจี้ยนหยาง เมืองหนานผิง มณฑลฝูเจี้ยนและลงนามใน “ข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจแนวนอนระหว่างเมืองเซี่ยเหมินกับเขตเจี้ยนหยาง” สิบปีให้หลัง นายสี จิ้นผิง รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้นได้เดินทางมาที่เมืองหนานผิงอีกครั้ง เขากล่าวว่า “ถนนสายเก่าและบ้านเก่าเมื่อสิบปีก่อนไม่มีอีกต่อไป” “แนวโน้มการพัฒนาพื้นที่ทางเหนือของฝูเจี้ยนดีมาก การเปลี่ยนแปลงนั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ มีความก้าวหน้าครั้งใหญ่ทั้งในการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน การปรับปรุงเมืองเก่า การสร้างหมู่บ้านใหม่ เป็นต้น ทำให้ผู้คนต่างมีความคาดหวังต่ออนาคตของพื้นที่ทางเหนือมณฑลฝูเจี้ยน”
มีเพียงการเปิด “ประตูหัวใจ” เท่านั้นจึงจะสามารถเปิด “ประตูภูเขา” ได้ และมีเพียงการอัปเดตแนวคิดเท่านั้นจึงสามารถบุกเบิกสถานการณ์ใหม่ได้
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ.1986 ผู้นำสำคัญๆของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้ปกครองของ 5 เมืองและเขตอันได้แก่ ฝูโจว ผู่เถียน ซานหมิง หนิงเต๋อ และเจี้ยนหยาง รวมตัวกันที่เจี้ยนหยาง ซึ่งเป็นเมืองในเขตเขาทางตอนเหนือของฝูเจี้ยน เพื่อจัดการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการรวมตัวทางเศรษฐกิจแนวนอนอย่างตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกด้าน ทำให้การเปิดกว้างมีพื้นที่กว้างไกลยิ่งขึ้น ทั้งนี้นำมาซึ่งการจัดตั้งกลไก “การรวมตัวทางเศรษฐกิจแนวนอน 5 เมืองและเขต” โดยทั้ง 5 เมืองและเขตเหล่านี้จะจัดการประชุมพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมาปีละครั้ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนด้านต่างๆ ระหว่างทั้ง 5 เมืองและเขต ระหว่างวิสาหกิจ และระหว่างเขตเมืองกับชนบท
เวลานั้นการประชุมครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่า “แถลงการณ์คำมั่นสัญญา” ในช่วงเวลาที่เมืองต่างๆภายในประเทศจำนวนมากมายยังคงกำลัง“ดิ้นรนต่อสู้”ตามลำพัง การที่เมืองต่างๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนได้ “รวมตัวกัน”เชิงรุกนั้นถือเป็นการก้าวนำหน้าอย่างแท้จริง
ตั้งแต่นั้นมา นายสี จิ้นผิงก็ปรากฏตัวบ่อยครั้งในการพัฒนา “การรวมตัวทางเศรษฐกิจแนวนอน 5 เมืองและเขต” เขาศึกษาวิจัยและลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่ภูเขาและพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทำให้บทความเรื่อง “ความร่วมมือระหว่างภูเขาและทะเล” ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
IN/LU