เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการยุโรปออกมาตรการสนับสนุนการผลิตโซลาร์เซลล์ในท้องถิ่น ยังไม่ทราบว่าจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร แต่การกระทำที่ปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตโซลาร์เซลล์ในยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากจีนแทบไม่มีความหมาย

เมื่อ 20 ปีก่อน อุตสาหกรรมการผลิตโซลาร์เซลล์ของเยอรมนีนำหน้าทั่วโลก แต่ช่วงหลังจากนี้ รัฐบาลลดการสนับสนุน อุตสาหกรรมดังกล่าวจนเกือบหายสาบสูญในยุโรป ในขณะที่จีนกลับก้าวหน้าอย่างมากด้านเทคนิคและการผลิต ทำให้จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้านพลังงานแสงอาทิตย์

จนถึงปี 2022 แผงโซลาร์เซลล์ที่ยุโรปติดตั้งนั้นมีร้อยละ 90 ขึ้นไปประกอบด้วยชิ้นส่วนโซลาร์เซลล์ของจีน เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักการเมืองและคลังสมองยุโรปบางรายเรียกร้องให้ออกนโยบายจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากจีน

ในขณะที่ชิ้นส่วนโซลาร์เซลล์ของจีนลดราคา ยุโรปได้ขยายการวางแผนระบบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอย่างมาก การจำกัดผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์ของจีน จะทำให้ปลายทางห่วงโซ่อุตสาหกรรมนี้ในยุโรปล้มละลายพร้อมไปกับราคาที่ปรับสูงขึ้น กระทบอัตราการจ้างงานในท้องถิ่นและความมั่นใจของชาวบ้านที่มีต่อการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมสีเขียว

กังหันลมและรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีนกำลังช่วยยุโรปเร่งการปรับเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีสีเขียว แนวคิดที่ว่า ยุโรปต้องรักษาอุตสาหกรรมด้วยการแข่งขันกันเองในภูมิภาค จะขัดต่อตรรกะทางการตลาด ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของผู้บริโภค ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงผลดีจากโลกาภิวัตน์ โดยยุโรปควรได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนกิจการทุกอย่างที่เกี่ยวกับจีน

(Ying/Cui/Ldan)