ในรายงานการประชุมร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนแบบจับคู่ระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยครั้งที่สองซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ.1997 จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านายสี จิ้นผิงได้กำหนดตำแหน่งยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อร่วมกันบรรเทาความยากจนระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยว่า “ตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของหนิงเซี่ยและฝูเจี้ยนมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ความร่วมมือซึ่งกันและกันจึงสามารถส่งเสริมเกื้อหนุนกันได้อย่างมาก” "ควรดำเนินความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนในรูปแบบต่างๆอย่างครอบคลุมและลุ่มลึกเพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันของฝูเจี้ยนและหนิงเซี่ย”
ในการประชุมครั้งนี้ นายสี จิ้นผิง ได้เสนอหลักการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือแบบจับคู่อันได้แก่ “ชดเชยซึ่งกันและกันด้วยความได้เปรียบ อำนวยประโยชน์แก่กัน ดำเนินความร่วมมือระยะยาว พัฒนาร่วมกัน”
ผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบจะพบว่า เอกสารเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนแบบจับคู่ของคณะรัฐมนตรีในปีนั้นได้กำหนดหลักการไว้ด้วย 12 คำ ได้แก่ “ชดเชยซึ่งกันและกันด้วยความได้เปรียบ อำนวยประโยชน์แก่กัน พัฒนาร่วมกัน” แต่เมื่อฝูเจี้ยนกำหนดหลักการความร่วมมือระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยนั้นได้เพิ่มขึ้นมาสี่คำ คือ “ดำเนินความร่วมมือระยะยาว” จึงได้ขยายเป็นหลักการ 16 คำ
“ดำเนินความร่วมมือระยะยาว” สี่คำนี้ได้สร้างความร่วมมือระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยทั้งในมิติของความลึกและความกว้าง
สร้างบ่อเก็บน้ำในพื้นที่ยากจนของหนิงเซี่ย ให้ความช่วยเหลือในการสร้าง“โรงเรียนประถมศึกษาแห่งความหวัง” ระดมวิสาหกิจภาครัฐที่ขึ้นตรงต่อมณฑลฝูเจี้ยน “วิสาหกิจสามประเภท”(หมายถึงวิสาหกิจสามประเภทที่นักธุรกิจชาวต่างชาติลงทุนในประเทศจีน ได้แก่ วิสาหกิจร่วมทุนและประกอบกิจการระหว่างจีนกับต่างประเทศ วิสาหกิจที่จีนและต่างประเทศร่วมมือกันประกอบกิจการ และวิสาหกิจที่ชาวต่างชาติเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด) วิสาหกิจในชนบท และวิสาหกิจภาคเอกชน ให้ไปก่อตั้งหรือร่วมกันก่อตั้งวิสาหกิจในหนิงเซี่ย แลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยเป็นการชั่วคราว เพิ่มการส่งออกแรงงานของหนิงเซี่ยไปยังฝูเจี้ยน และดำเนินการสาธิตการผลิตหญ้าจวินเฉ่าในอำเภอเผิงหยาง ฯลฯ เป็นอันว่า บุคลากร เงินทุน เทคโนโลยี ประสบการณ์ ตลาด และปัจจัยอื่น ๆ ของฝูเจี้ยนได้เริ่มปลูกฝังเข้าสู่ “ร่างกาย” ของหนิงเซี่ยอย่างต่อเนื่อง
คำบรรยายภาพ : เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 นายสี จิ้นผิง (คนที่ห้าจากขวา) เข้าร่วมการประชุมร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่มณฑลฝูเจี้ยน (ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)
ปี 1997 นายสี จิ้นผิงเดินทางจากเมืองหยินชวนไปยังอำเภอถงซิน ภายในเวลา 6 วัน เขาและคณะเดินทางข้ามภูเขาและสันเขา ไปตรวจเยี่ยม 5 อำเภอในหนิงเซี่ยที่ฝูเจี้ยนให้ความช่วยเหลือแบบจับคู่ ได้แก่ อำเภอหย่งหนิง ถงซิน หยวนหยวน ซีจี๋ และหลงเต๋อ
วันที่ 20 เมษายน นายสี จิ้นผิง เดินทางไปถึงตำบลเหลียนไฉและเฉินหลินในอำเภอหลงเต๋อ นายไป๋ เกากล่าวว่า นายสี จิ้นผิงสนใจอย่างมากเรื่องการสูบน้ำจากบ่อน้ำทรงกลมขนาดเล็กเพื่อการชลประทานและการเพาะปลูกสมุนไพรจีน
นายไป๋ เกาเคยพบนายสี จิ้นผิงในการประชุมร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนแบบจับคู่ระหว่างฝูเจี้ยนกับหนิงเซี่ยครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฝูโจวเมื่อปี 1996 เขากล่าวว่า “เมื่อเราพบกันที่หลงเต๋อ ท่านมีความจริงใจและเป็นกันเองเช่นเคย และดูท่านอ่อนกว่าอายุจริงมาก”
ณ อำเภอเหลียนไฉ นายสี จิ้นผิง เห็นว่าขณะที่ปั๊มขนาดเล็กหมุน ก็มีกระแสน้ำใสไหลลงมาตามท่อสู่ทุ่งนา เขาพูดกับนายไป๋ เกาด้วยความดีใจว่า “น้ำใต้ดินที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์” “นี่คือการสร้างสรรค์ของชาวนาหรือ?”
“ใช่ เกษตรกรบางส่วนเริ่มดำเนินการด้วยตัวเองก่อน ทางตำบลและอำเภอต่างก็ส่งเสริมและเผยแพร่โดยจัดหาทรัพยากรทางการเงินและวัสดุเพื่อให้การสนับสนุน ดังนั้น ตอนนี้ทุกครัวเรือนจึงขุดบ่อน้ำเพื่อต่อสู้กับภัยแล้ง” นายสี จิ้นผิงพอใจมากเมื่อได้ยินคำตอบจากนายไป๋ เกา
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “ปัญหาหลักในพื้นที่แห้งแล้งคือการขาดแคลนน้ำ ก็ต้องแก้ปัญหาตามสภาพท้องถิ่นเช่นนี้ ต้องใช้น้ำจากท้องฟ้า น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินให้เกิดประโยชน์ตามเงื่อนไขที่แตกต่างกัน” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหน้าที่และมวลชนต่างรู้สึกว่านายสี จิ้นผิง พูดถูกต้องมาก จึงพากันปรบมือเสียงดัง
ในหมู่บ้านจ้าวโหลว ตำบลเหลียนไฉ สมุนไพรจีนที่ปลูกไว้เป็นบริเวณกว้างกำลังเติบโตด้วยดี นายสี จิ้นผิง ได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับพันธุ์พืช เทคโนโลยี ปริมาณการผลิต และตลาดของสมุนไพรจีนอย่างละเอียด เขากำชับให้เจ้าหน้าที่ที่ฝูเจี้ยนส่งมาให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความยากจนในอำเภอหลงเต๋อต้องปรับปรุงการบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องช่วยดำเนินการเชื่อมโยงตลาดให้ดี
ประสบการณ์จากการได้ยินได้เห็นใน“ซีไห่กู้” ทำให้นายสี จิ้นผิง เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าครอบครัวยากจนที่มีกำแพงเพียงสี่ด้านหมายความว่าอย่างไร
“ที่นั่นยากจนจริงๆ บางครอบครัวอาศัยอยู่ในถ้ำ บ้านของพวกเขาว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดมีค่าเลย มีเพียงกำแพงสี่ด้านอย่างแท้จริง บางครอบครัวมีกางเกงแค่สองสามตัวเท่านั้น ผมไปเยี่ยมบ้านหลังหนึ่ง ได้เดินไปรอบๆ บ้าน ในที่สุดจึงเห็นว่ามีการแขวนเห็ดฟ่าไช่(เห็ดหิน)ซึ่งดูคล้ายเส้นผมสีดำห่อหนึ่งไว้บนหลังคาถ้ำ ซึ่งถือเป็นของมีค่าเพียงอย่างเดียวในบ้านหลังนี้ ในบ้านมีธัญพืชเหลืออยู่บ้างแต่ไม่พอกิน น้ำที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยต้องหาบมาจากแหล่งที่อยู่ไกล คนดูสกปรกไปหมดเพราะไม่มีน้ำอาบ!”
“ระหว่างการตรวจเยี่ยมครั้งนั้น เราทุกคนต่างรู้สึกว่างานทุกชิ้นที่นายสี จิ้นผิงทำนั้นล้วนได้รับความนิยม” นายไป๋ เกากล่าวว่า นายสี จิ้นผิงได้ให้คำแนะนำพวกเขา ประการแรก “เปลี่ยนสภาพความลาดชันมาเป็นขั้นบันได”เพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ประการที่สอง พัฒนาการผลิตมันฝรั่งและแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เพื่อจำหน่ายไปยังภาคตะวันออกสำหรับใช้ในการเลี้ยงปลาไหล ซึ่งเพิ่มรายได้ต่อหัวประมาณ 200 หยวน ประการที่สาม เร่งดำเนินโครงการบ่อเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้น้ำในชีวิตประจำวันของประชาชน
IN/LU