ยินดีต้อนรับสู่รายการ “Stories of Xi Jinping” รายการที่แบ่งปันประสบการณ์การทำงานของ สี จิ้นผิง ในรัฐบาลระดับต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อค้นหาคำตอบว่า ความเป็นผู้นำและความคิดของสี จิ้นผิงในการบริหารปกครองประเทศค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร
สี จิ้นผิง เน้นย้ำถึงบทบาทของบุคลากรในการขับเคลื่อนนวัตกรรมมาโดยตลอด เขากล่าวว่า บุคลากรมีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จของภารกิจอันยิ่งใหญ่
เขาเชื่อมั่นในพลังของบุคลากรยอดเยี่ยม และให้การสนับสนุนแก่บุคลากรด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรรุ่นใหม่ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช่วงดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการประจำมณฑลเจ้อเจียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายสี จิ้นผิง ได้รับการขนานนามจากเจ้าหน้าที่ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า เป็น “หัวหน้าทำลายปัญหาอุปสรรค”
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 นายสี จิ้นผิง ได้รับจดหมายจากนายแพทย์ติง ลี่หมิง ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ และเป็นผู้นำทีมวิจัยพัฒนายาชนิดใหม่สำหรับรักษาโรคมะเร็งปอด
ดร.ติงและทีมงานประจำอยู่ที่เมืองหางโจว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เอาชนะอุปสรรคมากมาย และเสร็จสิ้นการวิจัยยารักษาโรคมะเร็งปอดแบบมุ่งเป้าตัวใหม่ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นใบขอทำการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว นายแพทย์ติงก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
เมื่อพิจารณาถึงยาต้านมะเร็งตัวใหม่นี้มีความสำคัญต่อผู้ป่วยมากเพียงใด ดร.ติงตัดสินใจเขียนจดหมายถึงสี จิ้นผิง โดยตรง
ดร. ติง เขียนในจดหมายว่า เขาและทีมงานกำลังวิจัยพัฒนายารักษาโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้ารุ่นใหม่ มีสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาทุกประการในการวิจัยดังกล่าว นอกจากนี้ ยาดังกล่าวเป็นที่ต้องการของผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมากในจีน ขณะนี้ ผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันจากต่างประเทศได้เข้าสู่ตลาดจีนแล้ว แต่ราคาสูงมาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีกำลังซื้อ
สิ่งที่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงคือ ได้รับคำตอบจาก สี จิ้นผิง ในเวลาเพียงห้าวัน
หลังได้รับจดหมายของดร.ติง สี จิ้นผิงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกระบวนการตรวจสอบยาตัวใหม่นี้ทันที และให้การสนับสนุนแก่ทีมงานวิจัยโดยเร็ว
เจ็ดเดือนต่อมา ในเดือนมิถุนายน ปี 2006 ยาตัวใหม่นี้ได้รับการอนุมัติให้ทำการทดลองทางคลินิก นี่เป็นยาต้านโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้าตัวแรกที่จีนวิจัยพัฒนาขึ้นด้วยตนเอง
ยารักษาโรคมะเร็งตัวใหม่ดังกล่าวเปิดตัวสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ปี 2011 ผลการรักษาปรากฏว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งจากต่างประเทศ และขายในราคาเพียงประมาณ 60% ของยานำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิงเน้นย้ำถึงบทบาทของบุคลากรในการเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของจีนอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่า “บุคลากรเป็นทรัพยากรหลักในการพัฒนา” “ประเทศที่มีบุคลากรด้านนวัตกรรมระดับโลกจะมีความได้เปรียบในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี” และ “ความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ บุคลากรที่ยอดเยี่ยมจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศที่เข้มแข็ง ”
ในการส่งเสริมนวัตกรรม สี จิ้นผิงให้ความสำคัญกับการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่วิสาหกิจเผชิญอยู่โดยผ่านการปฏิรูปกลไกด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้วิสาหกิจเกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และเร่งทำให้ผลงานด้านวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม
ในเดือนพฤษภาคม ปี 2001 สี จิ้นผิงในฐานะผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนได้ลงพื้นที่ดูงานที่โรงงานต่อเรือหมาเหว่ย (Fujian Mawei Shipbuilding) ในเมืองฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน
โรงงานแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ส่งออกเรือรายใหญ่ แต่ในเวลานั้น เนื่องจากระบบการบริหารที่ล้าสมัยและขาดแคลนเงินทุนสำหรับการยกระดับของอุปกรณ์และเทคโนโลยี อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากภายนอก เช่น วิกฤตการเงิน ทำให้โรงงานแห่งนี้ตกอยู่ในภาวะใกล้ล้มละลาย ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากในโรงงานแห่งนี้พากันลาออก ทำให้โรงงานแทบไม่ได้รับใบสั่งซื้อใหม่ การต่อเรือและการส่งมอบเรือจึงเผชิญกับปัญหาอุปสรรคมากมาย
หลังรับฟังรายงานเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ของโรงงานแห่งนี้ สี จิ้นผิงเสนอแนวคิดขยายช่องทางระดมเงินทุน และลดภาระหนี้ เพื่อพัฒนาก้าวไปข้างหน้า แนวคิดนี้ได้ช่วยให้รัฐวิสาหกิจที่มีประวัติยาวนานแห่งนี้พบทางออกที่ดี นั่นคือ ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ให้กลายเป็นบริษัทร่วมทุน
หลังโรงงานที่มีประวัติร้อยปีแห่งนี้ฟื้นฟูขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา สี จิ้นผิงได้ตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับโรงงานแห่งนี้ คือ พัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
ในวันอาทิตย์หนึ่งของเดือนมิถุนายน ปี 2002 เรือคอนเทนเนอร์ขนาด 700 TEU ที่ผลิตโดยโรงงานแห่งนี้กำลังจะถูกส่งมอบไปยังประเทศเยอรมนี สี จิ้นผิงได้รับเชิญไปชมเรือลำนี้ที่โรงงาน
สี จิ้นผิงมาถึงโรงงานแต่เช้า และได้ทำการตรวจสอบเรือลำดังกล่าวอย่างละเอียดตั้งแต่ห้องด้านล่างไปจนถึงห้องผู้โดยสารและห้องพักของกัปตัน เขาได้พูดคุยกับนายเซี่ย โจวหมิน ผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมต่อเรือฝูเจี้ยน โดยถามว่า อะไหล่ของเรือลำนี้มีประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ที่ผลิตในประเทศ?
นายเซี่ย โจวหมิน ผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมต่อเรือฝูเจี้ยน ตอบว่า อุปกรณ์หลักและระบบนำทางยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น สี จิ้นผิงจึงชี้ว่า หากเราต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเรือให้แข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องมุ่งเน้นไปที่การยกระดับเทคโนโลยีให้สูงขึ้น แทนที่จะนำเข้าอุปกรณ์สำคัญจากต่างประเทศ เราควรมุ่งเน้นไปที่ผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง แม่นยำ และทันสมัย และพึ่งพาตนเองมากขึ้นด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
คำพูดดังกล่าวของสี จิ้นผิงได้ชี้ชัดแนวทางการพัฒนาใหม่ของโรงงานต่อเรือ โดยให้เน้นการพึ่งพานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ในงานเอสเอ็มเอ็มฮัมบูร์ก 2006 ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าชั้นนำระดับนานาชาติในอุตสาหกรรมการเดินเรือ เรือคอนเทนเนอร์ที่ผลิตโดยโรงงานต่อเรือหมาเหว่ย ได้รับยกย่องว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดีเด่น
ในช่วงหลายปีหลังจากนั้น โรงงานต่อเรือหมาเหว่ยได้ขยายการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การต่อเรือขั้นพื้นฐานไปจนถึงการผลิตอุปกรณ์วิศวกรรมทางทะเล หลังจากการพัฒนาเป็นเวลาหลายทศวรรษ โรงงานต่อเรือแห่งนี้ได้กลายเป็นวิสาหกิจชั้นนำในการต่อเรือคอนเทนเนอร์ และผลิตอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ในอุตสาหกรรมการเดินเรือ
(yim/cai)