ฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1990 หลังนายสี จิ้นผิงย้ายไปทำงานที่เมืองฝูโจว ได้ส่งเสริมการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในฐานะ “ก้าวแรก” สำหรับการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ
แต่การคัดเลือกวิสาหกิจชุดแรกเพื่อนำร่องการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีอุปสรรคเพราะแม้เมืองฝูโจวได้คัดเลือกวิสาหกิจที่เห็นว่าเหมาะสมจำนวนหนึ่งออกมา แต่ไม่มีใครกล้าหรืออยากลองเลย
ความกดดันมาจากการถกเถียงกันอย่างดุเดือดเรื่องการเป็น“สังคมนิยม”หรือ“ทุนนิยม”
“วิสาหกิจที่ประชาชนทั้งปวงเป็นเจ้าของสามารถเปลี่ยนเป็นระบบการถือหุ้นได้หรือ?” “ทรัพย์สินของรัฐจะรั่วไหลหรือไม่?” “ไม่มีทั้งกฎหมาย กฎระเบียบที่สมบูรณ์และตัวอย่างที่เลียนแบบได้ เราควรทำอย่างไร?” มีเสียงแสดงความกังขาออกมามากมาย
“ตอนนั้นจีนเพิ่งดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นเวลาประมาณ 10 ปี แม้แต่ในระดับผู้กำหนดนโยบายก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจเรื่องรัฐวิสาหกิจดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร” นายเฉิน หมิงเซินกล่าว เมื่อนายสี จิ้นผิงต้องการเป็นคนแรกที่“กินปู”ในสาขานี้ เขาจึงจำเป็นต้องดำเนินการสำรวจข้อมูลเพื่อประกอบการวิจัยอย่างเพียงพอ รวมถึงขอปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่มีความรู้เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ไม่นานหลังจากการพบกันระหว่างนายสี จิ้นผิง กับนายเฉิน หมิงเซิน เมืองฝูโจวก็ได้เฟ้นหา “วิสาหกิจนำร่อง”จากทั้งเมืองอีกครั้ง ในไม่ช้า บริษัท “เจี้ยนจ่ง” ก็ปรากฏขึ้น
“เจี้ยนจ่ง”ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1984 ด้วยการพัฒนาเขตบุกเบิกพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีฝูโจว “เจี้ยนจ่ง”ไม่เพียงแต่สร้างความก้าวหน้าใหม่ทุกปีในด้านการพัฒนาและการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเท่านั้น แต่ยังได้ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การค้า การจัดการธุรกิจ การจัดเก็บและการขนส่ง การโฆษณา การตกแต่ง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจก็ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าภายใต้สถานการณ์ใหม่ของการปฏิรูปและเปิดประเทศ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ต่างชาติลงทุนก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันที่รุนแรงด้วยกลไกการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นและเงินทุนที่มีอยู่มากมาย หาก“เจี้ยนจ่ง”ไม่ยกระดับการปฏิรูปต่อไป ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดและพัฒนาได้ในการแข่งขันทางการตลาดซึ่งมักอยู่รอดได้เฉพาะผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น! เมื่อรู้ว่าเมืองฝูโจวกําลังมองหาวิสาหกิจนําร่องสําหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผู้บริหาร“เจี้ยนจ่ง”จึงได้ผุดแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนกลไกการดําเนินงานของบริษัทและดําเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
หลังรู้ถึงสถานการณ์นี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจเมืองฝูโจวได้ยื่น“ข้อเสนอเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการนำร่องปรับโครงสร้างธุรกิจของ‘เจี้ยนจ่ง’เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” ให้กับนายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองในขณะนั้นทันที เมื่อได้อ่านแล้ว นายสี จิ้นผิงก็ให้คำแนะนำว่า “รีบดำเนินการโดยเร็ว ผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด”
คำบรรยายภาพ : เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1996 นายสี จิ้นผิง รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้นกำลังตรวจเยี่ยมโรงงานแปรรูปชากลั่นที่ตำบลเหอเถียน อำเภอฉางทิง (ภาพจากแฟ้มภาพ)
วันที่ 23 มีนาคม นายสี จิ้นผิง ได้รับฟังรายงานจากผู้บริหาร “เจี้ยนจ่ง”โดยเฉพาะ เขากล่าวว่า “ในกระบวนการเพิ่มน้ำหนักของการปฏิรูป จำเป็นต้องเร่งดำเนินการนำร่องปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากการนำร่องปรับโครงสร้างธุรกิจของ“เจี้ยนจ่ง”เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดำเนินไปได้ด้วยดี ก็ย่อมมีบทบาทนำและเป็นแบบอย่างสำหรับเมืองฝูโจวในการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงกลไกการดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจ”
หลังจากนั้น การปรับโครงสร้างธุรกิจของ“เจี้ยนจ่ง”เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว------
เดือนเมษายน บริษัทได้เสร็จสิ้นการปฏิรูปในสามด้าน ได้แก่ บุคลากรภายใน การจ้างงาน และการแบ่งรายได้ และสำนักงานบัญชีหวาซิงฝูเจี้ยนได้เริ่มดำเนินการประเมินสินทรัพย์ของบริษัท
เดือนมิถุนายน การประเมินสินทรัพย์เสร็จสมบูรณ์และได้รับการรับรองจากกรมกำกับดูแลสินทรัพย์แห่งรัฐเมืองฝูโจว
เดือนกันยายน หลังคณะกรรมการปฏิรูประบบเศรษฐกิจมณฑลฝูเจี้ยนอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจของ“เจี้ยนจ่ง” คณะกรรมการปฏิรูประบบเศรษฐกิจเมืองฝูโจวก็ได้อนุมัติการปรับโครงสร้างดังกล่าว
เดือนตุลาคม การเสนอขายหุ้นสำหรับนิติบุคคลและพนักงานภายในเริ่มต้นขึ้น และการชำระเงินค่าหุ้นเสร็จสิ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน ทุนที่ระดมจากการขายหุ้นเข้าบัญชีครบถ้วน
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ได้มีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกและได้มีการรับรองข้อบังคับของบริษัท มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัท และ“เจี้ยนจ่ง”ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น “บริษัท เจี้ยนจ่งเขตปลอดภาษีฝูโจว จำกัด”
เป็นอันว่า บริษัทร่วมหุ้น (Joint Stock Company)แห่งแรกในอุตสาหกรรมประเภทที่สามในมณฑลฝูเจี้ยนได้ก่อตั้งขึ้นที่ปากแม่น้ำหมิ่นเจียงอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1996 บริษัทได้จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นและเริ่มการซื้อขายอย่างราบรื่นในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “กลุ่มบริษัทซานมู่”
เมื่อเห็นประสิทธิผลจากการปฏิรูป“เจี้ยนจ่ง” นายสี จิ้นผิงจึงส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางในเมืองฝูโจวดําเนินการนําร่องปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ในการประชุมหลายครั้งเขาเน้นย้ำว่ารัฐวิสาหกิจควรกล้าบุกและกล้าทดลองตลาด ภาครัฐต้องให้การสนับสนุนทางนโยบาย นายสี จิ้นผิงเสนอให้แวดวงอุตสาหกรรมและการค้าของเมืองฝูโจวคัดเลือกรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง 10 แห่งที่สอดคล้องกับนโยบายอุตสาหกรรม มีประสิทธิผลทางเศรษฐกิจที่ดี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการลงทุนที่ชัดเจนนําร่องปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามมาตรฐาน และพยายามให้วิสาหกิจเหล่านี้สามารถเข้าตลาดหุ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
นายสี จิ้นผิง เห็นว่าการปฏิรูปวิสาหกิจอุตสาหกรรมในฝูโจวได้บรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญจากการสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับวิสาหกิจเฉพาะรายสู่การผลักดันให้มีการปรับปรับโครงสร้างวิสาหกิจทุกสาขาอาชีพ
ในการประชุมเปิดตัวกลุ่มบริษัทไฟฟ้าเทียนอี่ว์เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1995 นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “ควบคู่ไปกับการปฏิรูปที่ลงลึกอย่างต่อเนื่อง การสถาปนาระบบเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของการผลิตสมัยใหม่ ทำให้ตลาดมีบทบาทมากขึ้นในการจัดสรรทรัพยากรภายใต้การควบคุมมหภาคของรัฐบาล หากบริษัทพึ่งพาพลังของตนเพียงอย่างเดียวก็คงยากที่จะตั้งหลักและยืนอยู่ได้ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง” นายสี จิ้นผิง เห็นว่าการรวมตัวเพื่อยกระดับขนาด การยกระดับเทคโนโลยี การแบ่งงานและความร่วมมืออย่างมืออาชีพได้กลายเป็นหนทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับวิสาหกิจในการรักษาการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังวิสาหกิจหลายแห่งในเมืองฝูโจว เช่นบริษัทตงไป๋ฝูโจว บริษัทหมิ่นฝูฟา บริษัทต้าทงฝูโจว และบริษัทเครื่องใช้ฟ้าฟาเทียนอี่ว์ เป็นต้นต่างก็ได้เข้าตลาดหุ้นหลังผ่านการปรับโครงสร้างและจดทะเบียนฯตามลำดับ ในบรรดาเมืองเอกต่างๆของจีนในขณะนั้น ฝูโจวเป็นเมืองที่มีจำนวนบริษัทที่ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากที่สุด และครอบคลุมสาขาต่างๆอย่างสมบูรณ์ที่สุด ไม่เพียงแต่มีอุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น หากยังมีธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย
IN/LU