ในเวลานั้น ท่ามกลางการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างความคิดใหม่กับแนวคิดเก่า การส่งเสริมการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นายสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำ
เมืองฝูโจวในขณะนั้นเคยกล่าวถึงการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจว่า “การปฏิรูปต้องมีคำว่า 'กล้า' ต้องกล้าที่จะแบกรับภารกิจอันหนักอึ้ง กล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบาก กล้าที่จะบุกเบิกและกล้าที่จะเดินนำหน้าใครๆในโลก”
ปี ค.ศ. 1993 ประเด็นจะส่งเสริมการโอนโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวแก่นักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบได้อย่างไรนั้น ถือเป็นปัญหายากที่นายสี จิ้นผิงต้องเผชิญ
วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1998 บทความหัวข้อ “‘แอปเปิ้ล’ต้องขายก่อนเน่า” ที่เรียบเรียงและตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ฝูเจี้ยนเดลี่ ได้อธิบายความเป็นมาเกี่ยวกับการโอนกิจการโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวแก่นักลงทุนต่างชาติอย่างละเอียด
ในช่วงเวลานั้นมีสื่อรายงานว่า เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนแห่งหนึ่งได้ขายรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีสินทรัพย์สุทธิเป็นศูนย์หรือติดลบมากกว่าร้อยแห่งในราคาต่ำสุดเพียง 1 หยวน หรือขายผ่านการประมูล ซึ่งเป็นที่จับตาของสังคม แน่นอนว่าขณะขายนั้นรัฐวิสาหกิจเหล่านั้นได้กลายเป็น “แอปเปิ้ลเน่า” ที่ไร้ค่าแล้ว
แต่เวลานายสี จิ้นผิงผลักดันให้โอนโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวแก่นักลงทุนต่างชาติเมื่อปี 1993 นั้น ดูเหมือนว่าวิสาหกิจแห่งนี้ยังไม่ได้ “เน่า” โดยสามารถผลิตเบียร์ได้ 70,000 ตันต่อปี ครองสถานะเป็นโรงงานผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลและติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของทั่วประเทศด้วย ผลกำไรและภาษีประจำปีเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก และเคยสร้างสถิติที่มีกำไรและภาษีประจำปีสูงถึง 40 ล้านหยวน จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เสียภาษีอันดับต้นๆ ในเมืองฝูโจว
จึงมีการต่อต้านการโอนธุรกิจดังกล่าวอย่างมาก
บางคนตั้งคำถามว่านักธุรกิจต่างชาติสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีหรือไม่? และจะเกิดอะไรขึ้นหากคนงานตกงาน บางคนบ่นว่าแบรนด์ของรัฐเปลี่ยนเป็นแบรนด์ต่างประเทศ นี่คือ “กลายพันธุ์”
วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1993 นายสี จิ้นผิง ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายหลังจากดำเนินการสำรวจและวิจัย หลังผ่านการ “เจรจาต่อรอง”ได้มีการโอนโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวให้กับโรงงานอาหารแห่งที่หนึ่งของสิงคโปร์และบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เอเชียแปซิฟิกแห่งสิงคโปร์ด้วยมูลค่า 130 ล้านหยวน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เบียร์แห่งที่หนึ่ง(ฝูเจี้ยน) จำกัด”
คำบรรยายภาพ : วันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2002 นายสี จิ้นผิงตรวจเยี่ยมตำบลโบราณเหอผิง เมืองซ่าวอู่ มณฑลฝูเจี้ยน (ภาพจากแฟ้มภาพ)
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ได้ดำเนินการสำรวจทั้งโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวและตลาดเบียร์ระหว่างประเทศ และรู้ว่าหากมองอย่างผิวเผินโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวดูเหมือนจะเจริญรุ่งเรือง แต่จริงๆ แล้วกลับแบกภาระอันหนักอึ้งและสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หากไม่ขยายขนาดในอีกสามปีข้างหน้าก็จะถดถอยแทนที่จะก้าวหน้า และการพัฒนาของวิสาหกิจแห่งนี้ขาดพลังขับเคลื่อนอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อคาดการณ์ถึงอนาคตยิ่งทำให้น่าห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นนักข่าวได้สัมภาษณ์นายเหลียน กว๋อชิง อดีตรองผู้อำนวยการคนที่หนึ่งของโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจว ข้อเท็จจริงตรงกับการประเมินของนายสี จิ้นผิงทุกประการ กล่าวคือ ก่อนการโอนธุรกิจ โรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวเป็นหนี้ธนาคารถึง 50 ล้านหยวน จึงอยู่ในภาวะดำเนินธุรกิจโดยมีหนี้สินซึ่งเท่ากับว่ากำลัง “รับจ้างทำงาน” ให้กับธนาคาร โรงงานผลิตเบียร์เต็มที่ได้เพียง 70,000 ตันต่อปี และส่วนใหญ่ขายใน 8 อำเภอ (เมือง)ที่อยู่ในเมืองฝูโจวเท่านั้น หากต้องการเพิ่มผลผลิตและยกระดับคุณภาพ จำเป็นต้องมีการปฏิรูปเทคโนโลยีขนานใหญ่ ที่ต้องลงทุนจำนวนมากซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพารัฐบาลในขณะนั้น และหากจะพึ่งพาเงินกู้จากธนาคารโรงงานก็ไม่สามารถแบกรับได้แล้ว นอกจากนี้ ระบบการบริหารจัดการและกลไกการดำเนินงานเดิมของบริษัทก็มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน ซึ่งแม้จะดำเนินการปฏิรูปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“สหายสี จิ้นผิงมองเห็นทะลุปรุโปร่งว่า ถึงแม้‘แอปเปิ้ล’จะยังไม่เน่า แต่มันก็เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว” นายเว่ย จางกวนเล่าย้อนหลังให้ฟัง
การพัฒนาในช่วงเวลาต่อมาของบริษัทพิสูจน์ให้เห็นว่าการตัดสินใจของนายสี จิ้นผิงนั้นถูกต้อง
หลังเปลี่ยนเจ้าของธุรกิจ ได้มีการพัฒนาบริษัทให้ทันสมัยผ่านการบริหารจัดการของนักธุรกิจชาวต่างประเทศ เช่น
มุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริษัทได้ดำเนินการปฏิรูปเทคโนโลยีแบบ “ผ่าท้องควักเครื่องใน” และลงทุนมากกว่า 200 ล้านหยวน ถึงปลายปี 1996 การปฏิรูปเทคโนโลยีก็เสร็จสมบูรณ์
การดำเนินการเกี่ยวกับอุปกรณ์และการจัดการทางการเงินของบริษัทได้บรรลุการดำเนินการด้วยคอมพิวเตอร์ และมีการนำเข้าอุปกรณ์ตรวจสอบขั้นสูงครบชุด ตั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ทั้งหมดล้วนได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
บริษัทให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมและการบริหารจัดการบุคลากร ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ 3 คนจากโรงงานผลิตเบียร์ไฮเนเก้นของเนเธอร์แลนด์มาทำงานที่บริษัทเพื่อแนะนำวิธีการผลิตเบียร์และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เทคนิค
ใช้ความพยายามในการส่งเสริมการจำหน่ายอย่างเข้มข้น และขยายช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง มูลค่าผลผลิตของบริษัทสูงกว่า 100 ล้านหยวนในปี 1997 และยอดภาษีสูงกว่า 30 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากระยะเริ่มแรกของการซื้อกิจการร้อยละ 84------
นายสี จิ้นผิงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “เราควรทำลายแนวคิดดั้งเดิมที่มุ่งเน้นไปที่สถานะและชื่อเสียงของวิสาหกิจเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงอนาคตการพัฒนาและประสิทธิผลทางเศรษฐกิจของวิสาหกิจ ควรมุ่งมั่นที่จะทำให้รูปแบบกรรมสิทธิ์ที่เป็นของหลวงมีหลากหลาย เพื่อเร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้เร็วยิ่งขึ้น”
“ความวุ่นวาย”เกี่ยวกับการโอนโรงงานผลิตเบียร์ฝูโจวสิ้นสุดลงด้วยรูปลักษณ์ใหม่ของโรงงาน แต่เรื่องนี้มีส่วนเป็นแรงผลักดันส่งเสริมการเร่งปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของเมืองฝูโจวอย่างมาก
IN/LU