ดัชนีทางเศรษฐกิจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การค้าต่างประเทศของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกันข้ามกับมุมมองเชิงลบที่นักการเมืองสหรัฐฯ และสื่อสหรัฐฯ บางส่วนได้เผยแพร่ออกมา สาเหตุหลักที่ทำให้การค้าจีนมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ จีนยืนหยัดใช้นโยบายเปิดประเทศให้กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ขณะนี้  การค้าที่แข็งแกร่งของจีนกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก

สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนแถลงเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ.2024ว่าการค้าสินค้าของจีนอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน และปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของ 150 กว่าประเทศและภูมิภาค 

จนถึงขณะนี้ จีนได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่อง 22 แห่ง และกำลังก่อสร้างท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน โดยจะดำเนินนโยบายอำนวยความสะดวกทางการค้าต่าง ๆ เช่น การย่อรายชื่อเชิงลบสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ และยกเลิกข้อจำกัดการเข้าถึงตลาดในภาคบริการ เช่น โทรคมนาคมและการดูแลทางการแพทย์ จีนใช้นโยบายเหล่านี้เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น 

จีนยังส่งเสริมความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และแพลตฟอร์มพหุภาคีต่างๆอย่างแข็งขัน เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค  เพื่อสนับสนุนให้การค้าระดับโลกเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น และส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับโลก

นโยบายและมาตรการทางการค้าดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้ความพยายามของจีนในการขยายการเปิดกว้างในระดับสูงเพื่อประโยชน์ร่วมกันที่มากขึ้น ความพยายามของจีนสอดคล้องกับแนวทางโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง และมีความสำคัญอย่างยิ่งท่ามกลางกระแสการกีดกันทางการค้าและการต่อต้านโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นายอับดุลอาซิส อัลชาอาบานี นักวิจัยชาวซาอุดีอาระเบียจากศูนย์ศึกษาการเมืองและยุทธศาสตร์อัลริยาด ( Al Riyadh Center for Political and Strategic Studies ) กล่าวว่า การค้าต่างประเทศจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้เพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน  และเพิ่มการเข้าถึงสินค้าที่หลากหลาย  ตลอดจนกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย   นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้ธุรกิจต่างชาติสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้นและสนับสนุนการพึ่งพาอาศัยกันทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับโลก 

ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่นับวันรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จีนมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลก 

จีนกำลังเปลี่ยนจากการส่งออกสินค้าที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น เครื่องนุ่งห่ม ไปสู่การส่งออกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม     รถยนต์ไฟฟ้า   แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าสามอันดับแรกของจีนที่เน้นเทคโนโลยีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รายงานล่าสุดระบุว่า ยอดมูลค่าการส่งออกสินค้าสามประเภทดังกล่าวอยู่ที่ 150,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 29.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี  

นายลี เฮง กุ้ย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและสังคมที่สังกัดหอการค้าและอุตสาหกรรมจีนแห่งมาเลเซียกล่าวว่า  การที่จีนเร่งพัฒนาการผลิตในระดับสูงและเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะในภาคส่วนอุตสาหกรรมสีเขียวนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อหุ้นส่วนทางการค้าของจีน 

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกไม่ได้เผชิญกับปัญหากำลังการผลิตล้นเกิน แต่ประสบปัญหากำลังการผลิตไม่เพียงพอ ผลการวิจัยของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่า หากต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน  ยอดการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกภายในปี 2030 จะมากกว่า 45 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าตัวเลขในปี 2023 ถึง 3 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปัจจุบันยังห่างไกลจากความต้องการมาก    

การเปิดกว้างอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นและนำโอกาสการพัฒนามากมายให้กับทั่วโลก

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครือข่ายการค้าของจีนได้ขยายตัวอย่างมาก โดยมีความร่วมมือทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นกับตลาดเกิดใหม่ เช่น อาเซียนละตินอเมริกา และกลุ่มประเทศบริกส์ ( BRICS ) ส่งผลให้รูปแบบการค้าโลกได้รับการปรับปรุงดีขึ้นและมีความสมดุลมากขึ้น

จีนเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับตลาดเกิดใหม่นั้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางการค้าของตนเท่านั้น แต่ยังได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย 

ในฐานะผู้สนับสนุนโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจอย่างแน่วแน่ จีนมุ่งมั่นที่จะรักษาแนวทางการเปิดกว้างในระดับสูง เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และมีส่วนสนับสนุนใหม่ๆ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลกด้วย 

(ying/cai)