หลังจากที่เฮ่อ เซียงหมิ่น ซื้อรถตู้แล้ว เขาได้รับใบอนุญาตชั่วคราว และตรวจสภาพรถให้พร้อม และเพื่อให้การเดินทางของเหลียง เฉิง สะดวกสบายมากขึ้น เขาจึงปรับเบาะให้แบนราบ ปูแผ่นกระดานไม้และวางเบาะที่นอนไว้ข้างบน เพราะเขามีประสบการณ์การเดินทางพักกลางแจ้งหลายปี ก็เลยมีเครื่องมืออุปกรณ์ครบถ้วน หลังจากทุกอย่างได้เตรีมเสร็จสิ้นและพร้อมแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากบ้าน พร้อมยังได้เอากีตาร์สองตัวและกลองแอฟริกันหนึ่งตัวไปด้วย
ในวันที่ออกเดินทาง เฮ่อ เซียงหมิ่น โพสต์ไว้ใน Moments ของวีแชตว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะอยู่ร่วมกับน้องชายที่ป่วยหนัก เพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเรา และเดินทางไปทั่วโลก เหลียง เฉิง อยากเห็นทะเลและไปทิเบต
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เฮ่อ เซียงหมิ่น ได้เปิดถ่ายทอดสดด้วย โดยเนื้อหารายวันคือพูดคุยกับเพื่อนและเล่นกีตาร์ ก่อนหน้านี้ สองคนนี้ทำงานในเมืองจูโจว เหลียง เฉิง ยังเป็นครูสอนกีตาร์สมัครเล่น จึงมีทักษะการเล่นดีมาก แม้ว่าเหลียง เฉิง มีมะเร็งที่ลิ้น และมีความลำบากมากในการพูด แถมยังพูดไม่ชัด แต่เขายินดีที่จะพูดคุยกับเฮ่อ เซียงหมิ่น สองคนนี้พูดคุยกันทุกวัน รู้สึกมีความสุขมาก ส่วนสาเหตุที่เปิดการถ่ายทอดสดนั้น ก็คืออยากให้ครอบครัวและเพื่อนๆรู้ว่าสองคนปลอดภัยดี
อีกด้านหนึ่ง ในสายตาของเฮ่อ เซียงหมิ่น แม้ว่าสถานะด้านเงินทุนในปัจจุบันจะมีไม่มาก แต่ไม่อยากพึ่งพาการสนับสนุนจากเพื่อนๆมากเกินไป การถ่ายทอดสดก็เป็นวิธีที่ช่วยให้มีรายได้ ซึ่งการถ่ายทอดสด 3 ครั้งได้เงินประมาณ 300 หยวน
เฮ่อ เซียงหมิ่น บอกว่า ตอนนี้ สองคนอยู่ตามชายหาด เขาอยากช่วยเพิ่มสิ่งบำรุงสุขภาพและเติมพลังให้กับร่างกายของเหลียง เฉิง ก็เลยพยายามซื้ออาหารที่ดีและอร่อย ช่วงนี้ได้ปรุงปลาทะเลให้กินทุกวัน เพราะปลาทะเลไม่มีก้างเล็ก และเนื้อก็นุ่มมาก แต่ต่อไปถ้าไปจากทะเลแล้ว ก็อาจจะต้องต้มซุปหรือข้าวต้มให้กินแล้ว
ต่อไป พวกเขาจะไปที่มณฑลยูนนาน กุ้ยโจว และเสฉวน แล้วจะไปตามทิศทางที่ไปทิเบต และดูว่าสองคนจะไปได้ที่ไหน ถ้าเหลียง เฉิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ก็จะพาเขากลับบ้าน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องชีวิตและความตาย แต่จริงๆแล้ว เพื่อนเก่าทั้งสองได้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว โดยเหลียง เฉิง เขียนพินัยกรรมและมอบให้เฮ่อ เซียงหมิ่น ก่อนที่จะไปตรวจสุขภาพที่เมืองฉางซาแล้ว และยังตกลงกันว่า ถ้าสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นระหว่างทาง เฮ่อ เซียงหมิ่น ก็พาตัวเหลียง เฉิง กลับบ้าน ไม่ว่ามีชีวิตอยู่หรือเปล่า ซึ่งก็อาจเป็นความไว้วางใจระหว่างเพื่อน
ชาวเน็ตหลายคนรู้สึกซาบซึ้งใจ และชื่นชมว่ามิตรภาพของทั้งคู่เป็น “มิตรภาพแบบเทพนิยาย" ที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ ชีวิตคนมีระยะเวลาไม่ยาว แต่ได้เพื่อนแบบนี้ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
บางคนก็บอกว่า ดูเหมือนคุณลุงทั้งสองจะเป็นอัศวินในนิยายแนวต่อสู้ พยายามต่อสู้เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง และที่หายากกว่านั้นคือความเข้าใจและการสนับสนุนต่อกัน
ความคิดเห็นของชาวเน็ตมีเหตุผลมาก เพราะเหลียง เฉิง พิจารณามาหลายด้านแล้ว ตัดสินใจไม่รักษาอีกต่อไป อยากใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายด้วยวิธีที่ตัวเองชอบ และมีคนที่เข้าใจและสนับสนุนเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใดอยู่รอบข้าง ซึ่งก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง
นอกจากนี้ หลังจากสื่อมวลชนได้รายงานถึงเรื่องราวของเพื่อนสองคนนี้แล้ว หลายคนอยากบริจาคเงินทุนให้กับพวกเขา แต่เมื่อรับทราบถึงสถานการณ์นี้แล้ว เฮ่อ เซียงหมิ่น ส่งข้อความให้กับสื่อมวลชน เพื่อปฏิเสธการบริจาคทั้งหมดจากสังคมและอินเทอร์เน็ต
เขากล่าวว่า เมื่อวาน มีเพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่า มีคนกำลังจัดการบริจาคเงินทางอินเตอร์เน็ตเพื่อเราสองคน ผมรู้สึกตกใจและซาบซึ้งใจอย่างมาก ขอบคุณที่ทุกคนชื่นชมและสนับสนุนสิ่งที่เราทำ แต่ผมหวังว่า เพื่อนๆในสื่อมวลชนช่วยโพสต์บนอินเตอร์เน็ตว่า เราขอปฏิเสธรับเงินบริจาคทั้งหมดจากสังคมและอินเทอร์เน็ต นี่เป็นเรื่องบริสุทธิ์ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรทำให้มันซับซ้อนขึ้น เพียงหวังว่า เป็นเพื่อนกับเหลียง เฉิง ในเวลาที่เหลือ ไม่อยากเสียใจในภายหลัง เพราะฉะนั้น ขอให้สื่อต่างๆ ช่วยอธิบายทางเน็ต เราสองคนขอบคุณความสนใจและความเอาใจใส่จากทุกคน แต่ไม่รับการบริจาคใดๆ ไม่ว่ารูปแบบอะไร