ค.ศ. 2000 ซึ่งเป็นปีแรกของศตวรรษใหม่ การเจรจาเพื่อให้จีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกดำเนินอย่างราบรื่น จีนเริ่มเข้าร่วมการแข่งขันและความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น
ระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน นายสี จิ้นผิง ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้น ได้นำหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของมณฑลไปยังเมืองฉวนโจว เพื่อสำรวจข้อมูลประกอบการวิจัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาข้ามศตวรรษของฝูเจี้ยน เช่น การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม การพัฒนาเศรษฐกิจที่มิใช่ระบบกรรมสิทธิ์สาธารณะ และการเปิดกว้างสู่ภายนอก
วันที่ 27 มิถุนายน นายสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตผ้าถักและฟอกย้อมสีเฟิ่งจู่จำกัด (ต่อไปจะเรียกว่า "บริษัทเฟิ่งจู่") ขณะนั้นถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการพัฒนาของวิสาหกิจแห่งนี้พอดี
นายเฉิน เฉิงชิง ประธานบริษัทเฟิ่งจู่ นำนายสี จิ้นผิง เยี่ยมชมเวิร์กช็อปและห้องปฏิบัติการ “ช่วงเวลานั้นมีผู้นำจำนวนไม่น้อยได้มาตรวจเยี่ยมบริษัท แต่ท่านเป็นคนแรกที่เข้าไปดูห้องปฏิบัติการ” นายเฉิน เฉิงชิงกล่าวว่า นายสี จิ้นผิงยังได้พูดคุยเชิงลึกกับนักวิจัยและถามถึงประเด็นเทคโนโลยีมากมาย
หลังวิกฤตการเงินในเอเชีย อุตสาหกรรมสิ่งทอก็ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด บริษัทเฟิ่งจู่ยังคงใช้เงินจำนวนมหาศาลทุกปีเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี คำถามคือเงินมาจากไหน?
ปี ค.ศ.1999 บุคลากรที่บริษัทเฟิ่งจู่นำเข้ามาจากภายนอกได้เสนอให้บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ นายเฉิน เฉิงชิงได้ยอมรับข้อเสนอนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าหนทางสู่ตลาดหลักทรัพย์นั้นจะยากลำบากขนาดนี้ “เวลานั้นในฐานะบริษัทสิ่งทอ เราบอกกับคนอื่นว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่คนเดียว” นายเฉิน เฉิงชิงกล่าว
คำบรรยายภาพ : สถานที่จัดประชุมว่าด้วยการพัฒนาด้วยนวัตกรรมเมืองจิ้นเจียง มณฑลฝูเจี้ยนในปี ค.ศ.2024
ในระหว่างการตรวจเยี่ยม นายสี จินผิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าบริษัทเฟิ่งจู่ได้เริ่มเตรียมการเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 1999 เขากล่าวว่าวิสาหกิจเอกชนในเมืองจิ้นเจียงต้องเปลี่ยนจากระบบครอบครัวไปสู่ระบบร่วมหุ้น และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเจตนารมณ์ในการสร้างนวัตกรรมที่มีต่อวิสาหกิจ ทั้งยังให้กำลังใจว่าวิสาหกิจต้องดำเนินการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีให้ดี
ในการประชุมสัมมนาต่อจากนั้น นายสี จิ้นผิงเน้นย้ำว่ารัฐบาลทุกระดับควรมีความกล้าหาญมากยิ่งขึ้นและก้าวย่างที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน ควรผ่อนปรนนโยบาย และควรให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดียิ่งขึ้นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน และมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพโดยรวมและความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจภาคเอกชน ตลอดจนสร้างกลุ่ม ผู้ประกอบการเอกชนข้ามศตวรรษ
การยืนยันของนายสี จิ้นผิง ทำให้นายเฉิน เฉิงชิงเหมือนได้ “ยากระตุ้นหัวใจ” เขามุ่งมั่นมากขึ้นและก็มีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากนั้นบริษัทเฟิ่งจู่จึงได้เร่งดำเนินการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ และเริ่มสร้างระบบวิสาหกิจสมัยใหม่
ในเวลาเดียวกัน เมืองจิ้นเจียงได้กำหนดแนวทางและบริการของภาครัฐต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดตามคำแนะนำของนายสี จิ้นผิง ซึ่งเป็นไปตาม”ประสบการณ์จิ้นเจียง”ที่นายสี จิ้นผิงได้สรุปไว้อันได้แก่ “ยืนหยัดที่จะเสริมสร้างการชี้นำและบริการของภาครัฐต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดอยู่เสมอ”
ปี ค.ศ. 2001 เมืองจิ้นเจียงได้ก่อตั้งสำนักงานหน่วยงานกำกับดูแลการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของวิสาหกิจ ปี ค.ศ. 2002 เมืองจิ้นเจียงได้เสนอ “แผนปีกคู่”อันได้แก่ การเน้นสร้างชื่อให้กับแบรนด์(Brand Operation)และการบริหารจัดการเงินทุน(Capital operation mode)นำมาซึ่งวิสาหกิจในจิ้นเจียงพากันเริ่มเดินบนหนทางแห่งการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
"ด้วยความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2004 เราใช้เวลา 5 ปีเต็มๆในการกำหนดมาตรฐานการดำเนินงานและระบบการบริหารจัดการการเงินของบริษัท และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ในเดือนเมษายนปี 2004 กลายเป็นบริษัทในเมืองจิ้นเจียงเพียงบริษัทเดียวในขณะนั้นที่จดทะเบียนบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศ” นายเฉิน เฉิงชิงเล่าให้ฟัง
ถึงเวลานี้บริษัทเฟิ่งจู่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนจากบริษัทของครอบครัวเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เกิดความชัดเจนทั้งกรรมสิทธิ์ อำนวจการตัดสินใจ และอำนาจการดำเนินธุรกิจ
IN/LU