การพัฒนาของบริษัท อันท่า สปอร์ต โปรดักส์ จำกัด (ANTA Sports Products Limited) หรือ ANTA Sports เจ้าของแบรนด์ ANTA ก็ได้ประโยชน์จากการใส่ใจและสนับสนุนของนายสี จิ้นผิง เช่นกัน
วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2001 นายสี จิ้นผิงไปงานนิทรรศการรองเท้านานาชาติแห่งประเทศจีน (จิ้นเจียง) ครั้งที่ 3 ที่ห้องจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์บริษัทอันท่า โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายติง ซื่อจง ซึ่งขณะนั้นเพิ่งอายุ 30 ปีคุยกันราว 20 นาที
“ท่านเข้ามาที่ห้องจัดนิทรรศการเพื่อรับทราบถึงการพัฒนาของบริษัทเรา ผมได้นำเสนอให้ท่านทราบ” นายติง ซื่อจงเล่าย้อนอดีตให้ฟัง
เมื่อจบการนำเสนอ นายสี จิ้นผิงได้ให้คำแนะนำการพัฒนาวิสาหกิจสามประการอันได้แก่ “ควบคุมคุณภาพสินค้าให้ดี สร้างแบรนด์ของตัวเอง และต้องมีผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง”
คุณภาพของผลิตภัณฑ์เกี่ยวพันถึงความซื่อสัตย์ และเป็นหัวใจของวิสาหกิจ ในบทความ “การศึกษาประสบการณ์จิ้นเจียง เร่งสร้างยุทธศาสตร์สามช่องทาง–การสำรวจและการกลั่นกรองเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองจิ้นเจียงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง” นายสี จิ้นผิงได้กล่าวไว้ว่า “ความซื่อสัตย์เป็นรากฐานแห่งการอยู่รอดและการดำเนินการในตลาดของผู้ประกอบการ การพัฒนาเศรษฐกิจการค้านั้นจำเป็นต้องมีความซื่อสัตย์ตลอดเวลา”
“การยืนหยัดที่จะส่งเสริมการพัฒนาอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยของเศรษฐกิจแบบตลาดด้วยความซื่อสัตย์อยู่เสมอ”นั้น เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญของ“ประสบการณ์จิ้นเจียง”ที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของฝูเจี้ยน
การสร้างแบรนด์ตามคำแนะนำของนายสี จิ้นผิง ทำให้นายติง ซื่อจงต้องไตร่ตรองเช่นกัน
ในเวลานั้น บรรดาผู้ประกอบการในจิ้นเจียงยังขาดความตระหนักเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและการสร้างนวัตกรรมเป็นอย่างมาก การผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อของ “แบรนด์ใหญ่” ถือเป็นโมเดลการอยู่รอดสำหรับบริษัทรองเท้าและเสื้อผ้าของจิ้นเจียงในเวลานั้น “หากไม่สร้างแบรนด์ของเราเอง อันท่าก็จะไม่มีทางออกในการแข่งขันกับแบรนด์กีฬาชั้นนำอย่างแน่นอน” นายติง ซื่อจงกล่าว
คำบรรยายภาพ : เสื้อแจ็คเก็ตกันฝน“ANTA Storm Armor” ที่จัดแสดงในงานเจรจาธุรกิจเพื่อประยุกต์ใช้ผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจิ้นเจียง ครั้งแรก (ภาพจากสำนักข่าวซินหัว)
หลังจากนั้นไม่นาน บริษัทอันท่าได้จ้างแชมป์การแข่งขันเทเบิลเทนนิสระดับโลกมาเป็นพรีเซ็อเตอร์ ทั้งยังได้โฆษณาแบรนด์อันท่าทางสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีนหรือ CCTV ด้วย
การสร้างแบรนด์ของตัวเองถือเป็นก้าวย่างที่ถูกต้อง
ต่อมา บริษัทอันท่าได้มีการเปิดร้านค้าหรือเคาน์เตอร์ขายสินค้าเฉพาะอย่างในเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ สร้างความสัมพันธ์ด้านการซื้อขายโดยตรงกับผู้บริโภค สามารถดำเนินการจำหน่ายสินค้าถึงปลายห่วงโซ่ได้ ตั้งแต่นั้นมา ยอดขายของบริษัทอันท่าก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
การตระหนักเกี่ยวกับแบรนด์ของวิสาหกิจจิ้นเจียงได้เริ่มตื่นตัวแล้ว ในปีต่อๆ มา แบรนด์ต่างๆ เช่น 361° “เต๋อเอ่อร์ฮุ่ย” และ “ผี่เค่อ”( Peak )เป็นต้นได้พากันว่าจ้างซูเปอร์สตาร์ด้านวัฒนธรรมและกีฬามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มีคนพูดติดตลกว่า ช่องรายการกีฬาของ CCTV ในขณะนั้นเกือบจะกลายเป็น “ช่องทีวีจิ้นเจียง” แล้ว กระบวนการสร้างแบรนด์ที่คึกคักส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมของจิ้นเจียงโดยรวม
“‘ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง’ นี่เป็นประโยคที่สามที่ท่านเลขาธิการใหญ่เคยกล่าวไว้ในปีนั้น การที่ในเวลานั้นก็ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรม ถือเป็นการมองการณ์ไกลอย่างมาก” นายติง ซื่อจงกล่าว
ปัจจุบันแนวคิดการสร้างนวัตกรรมได้หยั่งรากลึกอยู่ใน“ไขกระดูก”ของบริษัทอันท่าแล้ว ซึ่งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาที่บริษัทสร้างขึ้นนั้นถือเป็นศูนย์เทคโนโลยีวิสาหกิจระดับชาติเพียงแห่งเดียวในสาขาอุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬาภายในประเทศจีน ทั้งยังได้ตั้งศูนย์การออกแบบในฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 5 ของต้นทุนการขาย ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับบริษัทอันท่าที่สามารถแข่งขันในตลาดสินค้ากีฬาทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ หากย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2001 ตัวเลขนั้นยังไม่ถึงร้อยละ 0.5
นายติง ซื่อจงรู้ซึ้งว่า บทสรุปของนายสี จิ้นผิงในปีนั้นคือ“เคล็ดลับ” สำหรับอันท่าในการพัฒนาเป็นกลุ่มบริษัทสินค้ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดของจีน “ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ แบรนด์ หรือนวัตกรรม ทั้งหมดนี้ล้วนต้องมีรากฐานที่สนองความต้องการของตลาดและมุ่งเน้นผู้บริโภค นี่คือแก่นแท้ของ'ประสบการณ์จิ้นเจียง' ตามที่ผมเข้าใจ!”
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “การศึกษา'ประสบการณ์จิ้นเจียง' เราต้องยึดมั่นในทิศทางของตลาดเช่นเดียวกับเมืองจิ้นเจียง เข้าใจกฎการดำเนินงานของเศรษฐกิจแบบตลาดอย่างลึกซึ้ง ทุ่มเทส่งเสริมการสร้างระบบและกลไกตลาด กวดขันจัดระเบียบตลาด ยกระดับขีดความสามารถด้านการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชาชาติให้บรรลุการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในศตวรรษใหม่ด้วยการพัฒนาอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยของเศรษฐกิจแบบตลาด”
IN/LU