โดย รศ.วิภา อุตมฉันท์
เช้านี้ได้ฟังข่าวว่าสิงคโปร์เตรียมออกมาตรการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติให้ไปทำงานในสิงคโปร์ ข้อเสนอมีทั้งการให้เงินเดือนสูง ๆ การให้วีซ่าพิเศษ 5 ปีสำหรับสมาชิกทั้งครอบครัวบินไปบินกลับได้อย่างอิสระ สิงคโปร์มีประชากรน้อย ที่ไปศึกษาและเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ต่างประเทศก็คงยิ่งน้อย การเสนอเงื่อนไขพิเศษให้กับคนต่างชาติระดับมันสมอง “สำเร็จรูป” ให้มาช่วยงาน จะเรียกว่าเป็นการซื้อตัวมาโดยวิธีทางลัดก็คงไม่ผิด
แต่ละประเทศจะใช้วิธีการใดก็ตาม ต้องยอมรับว่านี่คือแนวโน้มใหม่ที่หลาย ๆ ประเทศในโลกพยายามใช้เพื่อสร้างคลังสมองชั้นเยี่ยมในการพัฒนาประเทศ แน่นอนในที่นี้ย่อมมี “จีน” รวมอยู่ด้วย เพราะตั้งแต่จีนเปิดประเทศเป็นต้นมา คนจีนที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศมีเป็นจำนวนมาก อาศัยสิ่งแวดล้อมการทำงานที่ดี เงินเดือนดี ความเป็นอยู่ดี เมื่อเรียนจบส่วนใหญ่จะปักหลักปักฐานตั้งรกรากอยู่ที่นั่นไม่คิดจะกลับประเทศ มีบางคนทำงานให้นายจ้างจนได้ดี ได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลดีเด่นระดับแนวหน้าของประเทศเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทางการจีนก็รู้และรู้สึกเสียดาย เพราะบุคลากรที่มีความรู้จากประเทศจีนเป็นแหล่งที่มาสำคัญของทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง รัฐบาลจีนได้ใช้ความพยายามหลากหลายอย่างมาจูงใจให้พลเมืองจีนที่มีความรู้ความสามารถกลับมารับใช้ชาติ แต่ต้องยอมรับว่าได้รับการตอบสนองไม่มาก ตราบจนเมื่อศูนย์กลางพรรคฯได้ประกาศมติเกี่ยวกับ “การปฏิรูปลงลึกอีกขั้นหนึ่งเพื่อผลักดันความทันสมัยแบบจีน” ในการประชุมสมัชชาพรรคฯสมัยที่ 18 ที่ผ่านมา ความพยายามที่จะดึงและดันมันสมองชั้นนำของจีนกลับมารับใช้ชาติจึงได้รับความเอาใจใส่อย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลเป็นพิเศษ
การจูงใจบุคลากรที่ “เก่งกาจแต่ขาดแคลน” ให้กลับมาช่วยพัฒนาประเทศ หากทำได้จะให้ผลเห็นทันตา แต่เมื่อได้มาแล้วจะทำอย่างไรจึงจะรักษาพวกเขาไว้ได้ ให้เขาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรื่องนี้ รัฐบาลพยายามคิดค้นมาตรการต่าง ๆ ในการโน้มน้าวใจอย่างเหมาะสม เช่น สร้างสิ่งแวดล้อมการทำงานที่เหมาะกับลักณะเฉพาะของงานแต่ละคน สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี เปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพของตนโดยไม่มีอุปสรรค กล้าคิด กล้าทำ กล้าสร้างสรรค์ ไม่กลัวความล้มเหลว ฯลฯ
บุคลากรชั้นสูงจากต่างประเทศเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่แต่ละประเทศพากันแย่งชิง การจะรักษาพวกเขาไว้ได้ จึงต้องสร้างหลักประกันให้พวกเขาอย่างสมบูรณ์ เช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษี การให้ค่าตอบแทนที่สูง ให้ความสะดวกในการเดินทางเข้าออกจากประเทศแก่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะในกรณีที่สมาชิกในครอบครัวบางคนยังอยู่ต่างประเทศ เพื่อช่วยให้พวกเขาหมดความกังวลและมีจิตใจที่สงบในการทำงาน รับฟังความคิดเห็นของพวกเขา เอาใจใส่ต่อสุขภาพทั้งกายและใจของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ
ประการสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือการสร้างความเชื่อมโยงความสามารถทางกายภาพของพวกเขาให้เข้ากับความคิดทางการเมือง จะทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นมองเห็นว่า เป้าหมายและความความมุ่งมั่นในการทำงานของพวกเขา อยู่ที่การสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติเป็นหลัก เฉกเช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์รุ่นก่อน ๆ ที่ตัดสินใจเดินทางกลับปิตุภูมิ เพื่ออุทิศตนให้กับภารกิจสร้างชาติในสมัยหลังปฏิวัติใหม่ ๆ เช่น “นายเฉียนเสวียเซิง” นักวิทยาศาสตร์ด้านปรมาณูเดินทางกลับประเทศทันทีหลังจีนปลดปล่อย ความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ที่พวกเขามีอยู่ คือคุณปูการที่พวกเขาควรจะต้องใช้เพื่ออุทิศตนให้กับประเทศชาติเป็นสำคัญ
(ไทยเราก็ตั้งเป้าหมายกระตุ้นการศึกษาของเด็กไทยเหมือนกัน ด้วยคำขวัญว่า ...... “เรียนดีมีสุข” ซึ่งฟังดูทั้งโหวงเหวง ไร้ทิศทาง และไร้เป้าหมายในการปฏิบัติอย่างสิ้นเชิง ! )