งานแสดงสินค้านําเข้าและส่งออกของจีน หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ งานแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 136 เริ่มขึ้นแล้ว ที่เมืองกว่างโจว  มณฑลกวางตุ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2024  โดยงานในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Serving high-quality development, promoting high-level opening-up”  มีผู้แสดงสินค้ากว่า 30,000 ราย  จัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 1.15 ล้านรายการ  ผู้จัดงานระบุว่า มีผู้ซื้อจากต่างประเทศที่ลงทะเบียนมาร่วมงานล่วงหน้ากว่า 147,000 คน

ในการจัดงานแคนตันแฟร์ครั้งนี้ มีพื้นที่จัดแสดงถึง 55 โซนครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1.55 ล้านตารางเมตร โดยมีการจัดแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยี สินค้าดิจิทัล และสินค้าอัจฉริยะกว่า 390,000 รายการ เพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับงานแคนตันแฟร์ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่ จํานวนสินค้ารักษ์โลก สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่นำมาจัดแสดง มีจำนวนกว่า 1 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับการจัดงานครั้งก่อน

การจัดงานแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 136 แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ถึง 19 ตุลาคม เป็น       ธีมการผลิตขั้นสูง “Advanced Manufacturing”  ซึ่งมีผู้แสดงสินค้ากว่า 8,700 บูธ  จัดแสดงสินค้าในแวดวงอุตสาหกรรม สินค้าเทคโนโลยีล้ำสมัย  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เทคโนโลยีพลังงานใหม่  ยานยนต์พลังงานใหม่ เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และ ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะต่างๆ   มีไฮไลท์สำคัญ เช่น การจัดแสดงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน  ผลิตภัณฑ์กักเก็บพลังงาน   นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จากหลายค่าย เช่น ค่าย Sinotruk ร่วมจัดแสดงรถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อทั่วโลกเป็นอย่างมาก  

ส่วนการจัดแสดงสินค้าช่วงที่ 2 เป็นธีม การอยู่อาศัยแบบมีคุณภาพ (Quality Home Living)  จัดแสดง ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้าน และของแต่งบ้าน และการจัดแสดงสินค้าช่วงที่ 3 เป็นธีม ชีวิตที่ดีขึ้น  (Better Life) จัดแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ การพักผ่อน  และไลฟ์สไตล์  เช่น ของเล่น ผลิตภัณฑ์สำหรับสตรีมีครรภ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับทารก  ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และสินค้าแฟชั่น คาดว่า งานแคนตันแฟร์ครั้งนี้จะมีผู้ร่วมงานมากเป็นประวัติการณ์

งานแคนตันแฟร์เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1957 และจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง   นอกจากจะเป็นงานแสดงสินค้านําเข้าและส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของจีนแล้ว  งานนี้ยังถือเป็นดัชนีชี้วัดสําคัญของการค้าระหว่างประเทศ และเป็นการตอกย้ำว่า  จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้า และพัฒนาแบรนด์ Made in China ที่มีคุณภาพสูง มีความหลากหลาย สามารถแข่งขันได้ และเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย

ภาพ : Xinhua