แนะอำเภออู่ผิง“ปฏิรูปป่าไม้”--เส้นทางสี จิ้นผิง (126)

2024-10-19 09:06:06 | CMG
Share with:

เดือนกรกฎาคมปีค.ศ.1999 เมืองหลงเหยียนได้เผยแพร่“ประกาศคณะกรรมการป่าไม้เมืองหลงเหยียนเกี่ยวกับความคิดเห็นชี้แนะการลงลึกปฏิรูปกรรมสิทธิ์พื้นที่ป่าไม้และไม้ป่าส่วนรวม” และตัดสินใจเลือกหมู่บ้านหนึ่งแห่งในอำเภออู่ผิงเพื่อนำร่องการปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ป่าไม้ส่วนรวม ประกาศฉบับนี้กลายเป็นเอกสารอ้างอิงเดียวสำหรับอำเภออู่ผิงในการเริ่มปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ป่าไม้ส่วนรวม

การไม่ได้รับมอบอำนาจอย่างเป็นทางการจากหน่วยเหนือแถมยังไม่มีประสบการณ์จากที่อื่นให้เรียนรู้ ทำให้ตั้งแต่ระดับรากหญ้าถึงระดับผู้นำของอำเภออู่ผิงต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ได้เริ่มดำเนินการ “ปฏิรูปป่าไม้” ในหมู่บ้านที่ค่อนข้างมีลักษณะเป็นตัวแทนจำหนวนหนึ่งในตำบลว่านอัน ตำบลจงชื่อ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นผู้นำการปฏิรูปในด้านนี้ของทั่วประเทศ

เวลานั้นหมู่บ้านเจี๋ยเหวินตำบลว่านอันประสบความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าตามอำเภอใจ มีการตัดต้นไม้จากพื้นที่ป่าส่วนรวมจำนวนนับไม่ถ้วน แต่บัญชีของหมู่บ้านกลับเป็นหนี้อยู่ 280,000 หยวน เจ้าหน้าที่หมู่บ้านและชาวบ้านต่างมีความต้องการอย่างแรงกล้าในการแสวงหาการเปลี่ยนแปลงเชิงรุก และไม่มีข้อโต้แย้งมากนักจากการได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้านนำร่องการปฏิรูปกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ป่าไม้และกรรมสิทธิ์ในไม้ป่าส่วนรวม

วันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2001 การประชุมใหญ่ของหมู่บ้านเจี๋ยเหวินเต็มไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่นั่งว่างเลย เพื่อหาคำตอบต่อประเด็นที่ยุ่งยากที่สุดอันได้แก่ “จะแบ่งภูเขาอย่างไรและให้ใครเป็นผู้แบ่งภูเขา”  คณะทำงานที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอำเภออู่ผิงได้เสนอแนวคิด“ภูเขาควรต้องแบ่งเท่า ๆ กัน และภูเขาควรแบ่งโดยมวลชนเอง” กล่าวคือ พื้นที่ป่าไม้ส่วนรวมทั้งหมดควรแบ่งให้แต่ละครัวเรือนเท่าๆ กันตามหลักการ“ที่ดินเป็นของผู้หว่านไถ” ซึ่งชาวบ้านยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์  

วันที่ 30 ธันวาคมของปีนั้น นายหลี่ กุ้ยหลิน ชาวบ้านหมู่บ้านเจี๋ยเหวินได้รับใบรับรองสิทธิป่าไม้ฉบับใหม่ซึ่งเป็นฉบับแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินป่าไม้เป็นของคณะกรรมการหมู่บ้านเจี๋ยเหวิน ส่วนสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ กรรมสิทธิ์ป่าไม้หรือต้นไม้ในป่า รวมถึงสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ป่าไม้หรือต้นไม้ในป่านั้นเป็นของหลี่ กุ้ยหลิน

คำบรรยายภาพ : เดือนกันยายน ค.ศ. 2000 นายสี จิ้นผิง รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในขณะนั้นกำลังสำรวจและให้คำแนะนำงานป้องกันไต้ฝุ่นในพื้นที่อำเภออู่ผิง เมืองหลงเหยียน มณฑลฝูเจี้ยน (ภาพจากแฟ้มภาพ)

วันนั้นนายหลี่ กุ้ยหลินมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ภาพถ่ายที่ถือใบรับรองสิทธิ์ป่าไม้ของเขาถูกนำไปสร้างเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่และติดไว้ที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านเจี๋ยเหวินในปัจจุบัน

ต่อมา มีการคัดเลือกหมู่บ้านนำร่องตำบลละ 2 หมู่บ้านจากทั้งหมด 17 ตำบล  เป็นอันว่า  “การปฏิรูปป่าไม้” ได้เริ่มขยายจาก “จุด" สู่ “พื้นที่”

เดือนเมษายน ค.ศ. 2002 คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอำเภออู่ผิงได้แต่งตั้งทีมผู้นำการปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ป่าไม้ส่วนรวม และกำหนด“ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ป่าไม้ส่วนรวมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น” โดยเรียกร้องให้มีการนำร่องเพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่ง “การปฏิรูปป่าไม้” ในทั้งอำเภอทันที

จาก 34 หมู่บ้านเป็นมากกว่า 200 หมู่บ้าน ควบคู่ไปกับการเดินหน้าการปฏิรูป ปัญหาต่างๆก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เช่น บางหมู่บ้านมีพื้นที่ภูเขาหลายสิบแห่ง ควรแบ่งกันอย่างไร? กรรมสิทธิ์ในอดีตนั้นยากที่จะหาความชัดเจนได้  เจ้าหน้าที่บางคนขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง ใช้วิธีการที่ขาดเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ระเบียบขั้นตอนการแบ่งภูเขาไม่มาตรฐาน ทำให้มวลชนมีความเห็นต่างมากและเห็นว่า “การแบ่งภูเขาไม่ยุติธรรม”  ชาวบ้านบางส่วนขาดความมั่นใจ ไม่มี “เอกสารหัวแดง”(เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ) ใบรับรองที่ออกให้ชาวบ้านจะมีผลใช้บังคับจริงหรือไม่ ภูเขาที่ได้รับการจัดสรรหรือแบ่งให้นั้นจะถูกเรียกคืนหรือไม่------

ปีนั้น จำนวนคำร้องที่เกี่ยวข้องกับ “การปฏิรูปป่าไม้” เพิ่มขึ้น ซึ่งยิ่งสร้าง “ความปวดหัว”ให้กับคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอำเภออู่ผิง

“น้องเหยียน ทำอย่างนี้ใช้ได้ไหม? จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า?” ในเวลานั้นมีผู้นำรุ่นเก่าบางคนได้เตือนนายเหยียน จินจิ้งด้วยความหวังดี แต่ขณะนั้นได้มีการออกเอกสาร “การปฏิรูปป่าไม้” แล้ว  “ลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนูแล้วย่อมต้องพุ่งตรงไปข้างหน้าโดยมิอาจหันหลังกลับได้” นายเหยียน จินจิ้งตกอยู่ในภาวะที่ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขี่หลังเสือแล้วลงยาก”

เมื่อ“การปฏิรูปป่าไม้”ของอำเภออู่ผิงเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ  ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2002 นายสี จิ้นผิง ได้เรียกนายหวง เจี้ยนซิง ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้มณฑลฝูเจี้ยนให้มาพบที่สำนักงาน

“ป่าส่วนรวมนั้นเป็นของชาวบ้านร่วมกัน ควรคืนภูเขาให้กับประชาชน คืนสิทธิให้กับประชาชน และคืนผลประโยชน์ให้กับประชาชน มีความเป็นไปได้ไหมที่จะใช้ที่ดินป่าไม้เสมือนที่ดินเพาะปลูกโดยแบ่งให้ครัวเรือนเกษตรกรเพื่อเหมาดำเนินการตามสัญญา”  นายสี จิ้นผิง ถามนายหวง เจี้ยนซิง

“ในช่วงเวลานี้หลังผมเข้ารับตำแหน่ง ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรับรู้สภาพต่างๆจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งระดับมณฑล เมือง และอำเภอ พร้อมกับขอความคิดเห็นของพวกเขา โดยฉันทามติของพวกเขาก็คือ หากต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ จำเป็นต้องทำให้ได้ดังต่อไป คือ ‘ภูเขาต้องมีเจ้าของ เจ้าของต้องมีสิทธิ สิทธิต้องคู่กับความรับผิดชอบ และความรับผิดชอบต้องคู่กับผลประโยชน์’ คณะกรรมการพรรคฯและอำเภออู่ผิงได้ออกเอกสารเกี่ยวกับการปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ที่ดินป่าไม้และไม้ป่าเมื่อเดือนเมษายนปีนี้” นายหวง เจี้ยนซิง ตอบ

“เอาละ เราเจียดเวลาไปสำรวจอู่ผิงหน่อยเร็วๆนี้  ทำการทดลองก่อน” นายสี จิ้นผิงกล่าว


IN/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (21-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (21-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (21-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (20-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (20-11-2567)