วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวขณะพบกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียว่า กลไกความร่วมมือบริกส์เป็นแพลตฟอร์มความสามัคคีและความร่วมมือของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญที่สุดในโลกปัจจุบัน และเป็นกำลังหลักในการส่งเสริมการบรรลุความเป็นโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมกันและเป็นระเบียบ รวมถึงโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและเปิดกว้าง
“แพลตฟอร์มความสามัคคีและความร่วมมือ”ที่สำคัญที่สุดและ”กำลังหลัก” แสดงให้เห็นถึงสถานะที่สำคัญยิ่งของกลไกความร่วมมือบริกส์ในเวทีระหว่างประเทศ
“แพลตฟอร์มความสามัคคีและความร่วมมือของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญที่สุดในโลกปัจจุบัน” ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและน้ำหนักของความร่วมมือบริกส์ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์การพัฒนาและการเติบโตที่ไม่ธรรมดาของกลไกความร่วมมือบริกส์อีกด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ขณะเริ่มก่อตั้งกลไกความร่วมมือบริกส์นั้น เป็นช่วงเวลาที่ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนากำลังรวมตัวกันผงาดขึ้นเป็นกลุ่ม ในช่วงถัดมา 5 ประเทศกลุ่มบริกส์อันได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ ยึดมั่น“เจตนารมณ์บริกส์” คือการเปิดกว้าง ความร่วมมือและได้ชัยชนะด้วยกัน ได้ทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้สร้างคุณูปการที่โดดเด่นในการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลก การปรับปรุงธรรมาภิบาลระดับโลก และการส่งเสริมประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนามีภารกิจการพัฒนาที่คล้ายคลึงกันและความต้องการในการพัฒนาร่วมกัน การกระชับความสามัคคีและความร่วมมือซึ่งกันและกันเป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์และความปรารถนาของประชาชน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นอย่างลึกว่า “กลุ่มประเทศบริกส์ไม่ใช่สโมสรปิด และไม่ใช่'วงกลมเล็ก'ที่กีดกันภายนอก” และ “การพัฒนาของกลุ่มประเทศบริกส์ไม่ควรคำนึงถึงแต่ตัวเองโดยไม่ใส่ใจผู้อื่น จำเป็นต้องแสวงหาการพัฒนาของประเทศตนเองควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศ”
ปี ค.ศ. 2017 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสนอแนวคิดความร่วมมือ “บริกส์ พลัส(BRICS+)” ในระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์ที่เมืองเซี่ยเหมิน ซึ่งมีสาระสำคัญคือการเสริมสร้างแกนกลางความสามัคคีและความร่วมมือระหว่าง 5 ประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับพลังดึงดูดและผนึกกำลังของกลุ่มบริกส์ ในขณะเดียวกันกลุ่มบริกส์ก็ต้องขยาย “วงเพื่อน”อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก
เดือนสิงหาคม ค.ศ.2023 กลุ่มประเทศบริกส์กับอีกกว่า 50 ประเทศได้รวมตัวกันที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์ ณ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก “ครอบครัวบริกส์”ประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนสมาชิกครั้งประวัติศาสตร์ นำมาซึ่งสถานะและบทบาทที่สูงขึ้นอีกระดับ
หลังการเพิ่มจำนวนสมาชิก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกลุ่มประเทศบริกส์คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของโลก จำนวนประชากรคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันมีกว่า 30 ประเทศทั่วโลกหวังที่จะมีส่วนร่วมในความร่วมมือบริกส์ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงความมีชีวิตชีวาและพลังดึงดูดของกลไกความร่วมมือบริกส์
การผงาดขึ้นเป็นกลุ่มของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกําลังพัฒนาที่มีกลุ่มประเทศบริกส์เป็นตัวแทนนั้น กําลังเปลี่ยนแปลง“แผนที่โลก”ในขั้นพื้นฐาน ด้วยการร่วมมือกันอย่างแน่วแน่กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกําลังพัฒนาจำนวนมากท่ามกลางสถานการณ์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบศตวรรษ ทําให้ความร่วมมือภายใต้กลไกความร่วมมือบริกส์จึงมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น และมีความหมายลึกซึ้งยาวไกลมากยิ่งขึ้น
“พลังที่เป็นเสาหลักในการส่งเสริมการบรรลุความเป็นโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมกันและเป็นระเบียบ และโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและเปิดกว้าง” ชี้ให้เห็นถึงภารกิจสําคัญของความร่วมมือบริกส์ในการสร้างโลกที่ดีงามยิ่งขึ้น
โลกหลากขั้วและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจนั้นเป็นแนวโน้มที่สำคัญในการพัฒนาของสังคมมนุษย์ ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มความสามัคคีและความร่วมมือของประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ กลไกความร่วมมือบริกส์เองก็ถือเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงทิศทางที่ถูกต้องในการเดินหน้าโลกหลายขั้วและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ
“ความเท่าเทียมกันและความเป็นระเบียบ”และ”การเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและเปิดกว้าง”นั้น ได้ตอบโจทย์ประเด็นสําคัญแห่งยุคสมัยอันได้แก่ ควรส่งเสริมโลกหลายขั้วและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจอย่างไร อาจกล่าวได้ว่าความร่วมมือบริกส์เดินอยู่แถวน้าของกระบวนการแห่งยุคสมัยนี้มาโดยตลอด
ความเท่าเทียมกันนั้น จำเป็นที่ทุกประเทศทั้งใหญ่และเล็กต้องยืนหยัดรักษาความเท่าเทียมกัน และส่งเสริมประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างจริงจัง การผงาดขึ้นของประเทศบริกส์และการเติบโตที่เข้มแข็งขึ้นของกลไกความร่วมมือบริกส์นั้นก็เพื่อส่งเสริมให้ประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกําลังพัฒนามีสิทธิ์ออกเสียงอย่างเท่าเทียมกันในกิจการระหว่างประเทศ
ความเป็นระเบียบนั้น ทุกประเทศจะต้องร่วมกันปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ดําเนินการภายในระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นแกนหลัก และร่วมมือกันในกระบวนการบริหารจัดการโลก
การเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายนั้น ต้องทําให้เค้กการพัฒนาใหญ่ขึ้นและแบ่งเค้กให้ดี ให้ประเทศต่างๆ ชนชั้นต่างๆ และกลุ่มคนต่างๆ ต่างก็สามารถมีส่วนร่วมในความร่วมมือและสามารถร่วมแบ่งปั่นดอกผลแห่งการพัฒนา เพื่อบรรลุการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
การเปิดกว้างนั้น จำเป็นต้องสนับสนุนประเทศต่างๆในการดำเนินตามเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับสภาพของประเทศตนเอง หลีกเลี่ยงรูปแบบการพัฒนาฝ่ายเดียว ละทิ้งลัทธิฝ่ายเดียวและลัทธิกีดกันทางการค้าที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองแต่สร้างความเสียหายต่อผู้อื่น และรักษาเสถีรภาพและความคล่องตัวของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงชี้ให้เห็นอย่างลึกซึ้งว่า “กลุ่มประเทศบริกส์เป็นกำลังสําคัญในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระหว่างประเทศ เราเลือกเส้นทางการพัฒนาอย่างอิสระ ร่วมกันปกป้องสิทธิในการพัฒนา ร่วมกันก้าวไปสู่ความทันสมัย ซึ่งถือเป็นตัวแทนที่แสดงถึงทิศทางความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์และย่อมจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อกระบวนการพัฒนาของโลกแน่นอน ”
IN/LU