เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการสาธารณสุขและสุขภาพแห่งชาติจีนร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานกีฬาแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ เปิดตัวกิจกรรม “ปีแห่งการจัดการน้ำหนัก “ โดยกำหนดว่า จีนจะใช้เวลา 3 ปีตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ในการเผยแพร่วิทยาศาสตร์ด้านการจัดการดูแลควบคุมน้ำหนักในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างจิตสำนึกสาธารณะแก่สังคมจีนในการจัดการดูแลควบคุมน้ำหนักอย่างถูกต้อง
ผลพวงจากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนมีระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต สุขภาพของประชาชนจีนก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าปัญหาโรคอ้วนและน้ำหนักเกินก็ตามมาด้วย จากข้อมูลพบว่าอัตราการเป็นโรคอ้วนของประชากรจีนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 16.4% และอัตราการเป็นโรคอ้วนของเด็กและเยาวชนจีนในวัย 6-17 ปีอยู่ที่ 7.9% ดังนั้น จีนจึงให้ความสําคัญอย่างมากกับการป้องกันและควบคุมโรคอ้วน และจะใช้มาตรการหลายประการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วน โดยจัดให้น้ำหนักเกินและโรคอ้วนเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สําคัญ และออกมาตรการเพื่อกำหนดให้น้ำหนักเป็นตัวบ่งชี้สําคัญในการประเมินโภชนาการและสุขภาวะของมนุษย์
น้ำหนักที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ น้ำหนักเกินและโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง ตลอดจนมะเร็งบางชนิด โรคผอมเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตช้า การทํางานของภูมิคุ้มกัน ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ และการมวลกระดูกลดลง ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน ดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในโลกเพื่อประเมินความอ้วน ความผอมและสุขภาพร่างกายมนุษย์ โดยค่าดัชนีมวลกาย ที่สูงกว่า 24 ถือว่ามีน้ำหนักเกิน และค่าดัชนีมวลกาย มากกว่า 28 ถือว่าเป็นโรคอ้วน
ทางการจีนเรียกร้องให้ประชาชนจีนทุกคนรักษาและดูแลน้ำหนักตลอดชีวิตนับตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ก่อนตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ และวัยชรา เพราะความผิดปกติของน้ำหนักในช่วงเวลาใดก็ตามอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่นโรคอ้วนในวัยเด็กจะส่งผลต่อความสามารถทางการเคลื่อนไหวและพัฒนาการกระดูกของเด็ก และยังมีผลเสียต่อพฤติกรรม ความรู้ความเข้าใจ และสติปัญญา ในขณะเดียวกันโรคอ้วนในวัยเด็กและวัยรุ่นสามารถคงอยู่จนถึงวัยผู้ใหญ่ อีกทั้งจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายโรค จีนยึดหลักป้องกันมาก่อน โดยจะป้องกันการเกิดน้ำหนักเกิน โรคอ้วน และน้ำหนักน้อยผ่านวิถีการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดี เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกําลังกายตามหลักวิทยาศาสตร์
วิธีการลดน้ำหนักที่ไม่ถูกต้องไม่เพียงแต่จะล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนัก แต่ยังสามารถนําไปสู่การกลับไปอ้วนอีก และความเสี่ยงต่อสุขภาพที่มากขึ้น เมื่อตั้งเป้าหมายลดน้ำหนักแล้ว ควรทำในสิ่งที่ทําได้และไม่เร็วเกินไป ความเร็วของการลดน้ำหนักตามปกติต่อหนึ่งสัปดาห์คือ 0.5 กิโลกรัม และภายในเวลา 3-6 เดือน จะลดน้ำหนักตัวได้ 5%-10% หรือตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลภายใต้คําแนะนําของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อควบคุมน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์
ในอีก 3 ปีข้างหน้า พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนจะรณรงค์ให้ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน ธุรกิจ และสถาบันต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการจัดการดูแลน้ำหนัก แนะนําให้สาธารณชนใช้วิถีการดำเนินชีวิตและปฏิบัติการที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนรู้ถึงน้ำหนักมาตรฐาน การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของตน และวิธีการจัดการควบคุมดูแลน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์
พร้อมกันนี้ ทุกภาคส่วนของจีนจะประชาสัมพันธ์การดูแลน้ำหนักร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดือนแห่งการประชาสัมพันธ์วิถีการดำเนินชีวิตเพื่อสุขภาพแห่งชาติ เดือนแห่งสุขอนามัยเพื่อรักชาติ สัปดาห์โภชนาการแห่งชาติ วันฟิตเนสแห่งชาติ สัปดาห์เพื่อประชาสัมพันธ์กีฬา สัปดาห์เพื่อการศึกษาในครอบครัวแห่งชาติ วันโภชนาการของนักเรียนจีน และเดือนแห่ง “มารดาจีนที่มีสุขภาพดี” เพื่อจัดการกับปัญหาน้ำหนักต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง เด็กอ้วน (Little Fat Dun) อ้วนขึ้นหลังเทศกาลและการหยุดพัก
นอกจากนี้ พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนยังจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้เครื่องชั่ง สายวัดเอว และปฏิทินจัดการน้ำหนักเป็นประจำ โดยให้ครอบครัว สถาบันทางการแพทย์และสุขภาพ โรงเรียน โรงแรม และสถานที่อื่นๆ ติดตั้งและให้บริการเครื่องชั่ง และให้บริการเพื่อสนับสนุนการควบคุมดูแลน้ำหนักให้มากขึ้น โดยให้ชุมชนต่าง ๆ ตั้งกระท่อมสุขภาพ สวนสนุกเพื่อสุขภาพ ทางวิ่งจ๊อกกิ้ง และติดตั้งอุปกรณ์ออกกําลังกายในสวนสาธารณะต่าง ๆ ส่งเสริมการพัฒนาโรงอาหารเพื่อสุขภาพ และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ โดยหลีกเลี่ยงการขายอาหารที่มีเกลือมาก น้ำตาลสูง และไขมันสูงในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ พื้นที่ต่าง ๆ ต้องประกันให้นักเรียนมีเวลาออกกําลังกายหนึ่งชั่วโมงในวิทยาเขตและนอกโรงเรียนทุกวันตามลำดับ จัดกิจกรรมฟิตเนสและชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การเดิน “หมื่นก้าว” อีกทั้งพัฒนาชุมชนและตำบลตัวอย่างของการดูแลน้ำหนัก
เชื่อว่า ด้วยการใช้เวลา 3ปีในการจัดการดูแลน้ำหนักดังกล่าว สุขภาพของประชากรจีนจะดียิ่งขึ้น(IN/ZHOU)