4 กรณีที่ควรร้องขอความช่วยเหลือกับ 3 กรณีที่ไม่ควร

ทุกวันนี้โดยเฉพาะในฤดูร้อน สำหรับสุภาพสตรีที่โดยสารรถเมล์หรือรถไฟใต้ดินเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงาน คงนึกกลัวว่าจะเจอพวกบ้ากามชอบฉวยโอกาสบนรถที่มีผู้โดยสารเบียดเสียด ด้วยเหตุที่หญิงสาวส่วนใหญ่จะอายไม่กล้าโวยวาย ทั้งๆที่มีคนอื่นอยู่รอบข้าง ก็ไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือ หรือเอาผิดคนร้าย ทำให้พวกเขาจึงยิ่งกล้าลงมือทำ

ศาสตรจารย์หวัง ต้าเหว่ยชี้แจ้งว่า หากเกิดเหตุใน 4 กรณีดังต่อไปนี้ ควรร้องขอความช่วยเหลือ ได้แก่ 1)กรณีแฟนอยู่ข้างกายต้องร้อง 2)กรณีมีเพื่อนสองสามคนอยู่ด้วยก็ควรร้อง เพื่อนเป็นผู้หญิงก็ไม่เป็นไร ร่วมแรงสู้กับคนร้ายได้ 3)กรณีที่มีผู้โดยสารเต็มรถต้องร้อง และ 4)กรณีเห็นทหารหรือตำรวจในเครื่องแบบต้องร้อง

ส่วน 3 กรณีที่ไม่ควรร้อง ได้แก่ 1)กรณีที่รอบข้างไม่ค่อยมีคนอยู่ไม่ร้อง 2)กรณีตอนกลางคืนไม่มีใครเห็นไม่ควรร้อง และ 3)กรณีที่สัญชาติญาณบอกว่าร้องแล้วอันตรายก็เงียบไว้ก่อน คอยสังเกตสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อมีโอกาสขอความช่วยเหลือจึงรีบทำ

ทักษะการต่อสู้หากเจอกับคนร้าย

สาวๆ ต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้กับผู้ร้าย ข้อนี้มีความจำเป็นมาก เพราะสมมุติว่าผู้หญิงคนเดียวเดินถนนในกลางคืน หรือเดินในที่ที่เปลี่ยวไม่มีบ้านคนอาศัยอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่เจอกับคนร้าย ในกรณีแบบนี้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงดัง ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ารู้จักใช้ทักษะการต่อสู้ สาวๆ ก็สามารถสร้างโอกาสให้ตนเองวิ่งหนีได้อย่างทันท่วงที

สำหรับผู้หญิงที่เดินคนเดียวริมถนนตอนกลางคืน เมื่อสังเกตว่ามีผู้ชายเดินตามหลังแล้ว ก็ใช่ว่าต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เพราะผู้ชายที่พบในท้องถนนตอนค่ำ อาจจะมีคนดีก็ได้ สตรีอังกฤษมีวิธีที่ดีในการวินิจฉัยว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง เป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่ วิธีนี้ก็คือ ข้ามถนนไปเดินอีกฝั่งหนึ่ง แล้วแอบดูว่าผู้ชายคนนั้นเดินข้ามถนนตามเรามาด้วยหรือไม่ ถ้าเขาเดินมาหาจริง ผู้หญิงก็เดินข้ามถนนอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูผล หากเขาไล่เดินตามข้ามถนนอีกทีหนึ่ง ก็สรุปได้แล้วว่า ผู้ชายคนนั้นถ้าไม่ใช่พวกบ้ากามก็ต้องเป็นโจรร้ายที่หมายปล้นทรัพย์

ถ้าวิ่งหนีคนร้ายได้ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าคนร้ายวิ่งเร็วกว่าล่ะ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คนร้ายใกล้เข้าถึงตัว ผู้หญิงต้องเตรียมตัวต่อสู้ ทักษะการต่อสู้แบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรก รีบก้มตัวลง กวาดจับทรายหรือดินให้เต็มกำมือก่อน รอจังหวะที่คนร้ายเข้าถึง รีบขว้างทรายหรือดินใส่ตาคนร้ายทันที ขั้นที่ 2 ใช้นิ้วจิ้มไปที่ดวงตา และขั้นที่ 3 ถือจังหวะที่ผู้ร้ายใช้มือป้องกันตานั้น ถีบหัวเข่าอย่างสุดกำลังเพื่อโจมตีใส่เป้ากางเกงของคนร้าย

ทักษะดังกล่าวจำได้ง่ายและใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะขั้นที่ 3 ถ้าถีบตรงเป้าหมาย คนร้ายจะสูญเสียกำลังต่อสู้ทันที ทำให้มีเวลาวิ่งหนีเพียงพอ แนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย จดจำทักษะชุดนี้ให้แม่น แล้วนำไปสอนให้ลูกสาวหรือหลานสาวที่เป็นนักเรียนนักศึกษา ฝึกใช้ให้คล่อง ไม่ใช้ก็มีส่วนช่วยให้สาวๆ เพิ่มความรู้ความสามารถในการป้องกันตนเอง