ท่านผู้ฟังส่วนใหญ่คงทราบว่า ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 3,000 กว่าปี และเคยเป็นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ในประวัติศาสตร์ เช่น สมัยราชวงศ์จิน หยวน หมิงและชิง เป็นต้น ในประวัติศาสตร์การพัฒนานับพันปีมานี้ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ และวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังสามารถสืบทอดประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของกรุงปักกิ่งด้วย ถ้าสนใจและมีเวลาค่อยๆเดินตามตรอกเล็กซอยน้อยในกรุงปักกิ่ง ก็สามารถยังสัมผัสกับบรรยากาศแบบโบราณกาลในกรุงปักกิ่งได้ เช่น จะเห็นโบราณสถานต่างๆทั้งของราชสำนักสิ่งก่อสร้างที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงโด่งดัง ที่อยู่อาศัยของบรรดาชาวขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาด้วย แม้ สิ่งที่พบเห็นอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง แต่ หากอยากทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของจักรพรรดิแห่งราชหมิงและชิง เช่น ทรงนับถือศาสนาอะไร ห้องบรรทมพระจักรพรรดิเก็บอะไรไว้บ้าง ที่พระราชวังมีสถานบันเทิงอะไรบ้าง เวลาที่ทรงเบื่อพระราชวังแล้วจะเสด็จไปทรงพระสำราญที่ไหนในกรุงปักกิ่ง คำตอบดังกล่าวไม่น่าจะหาพบขณะไปเที่ยวพระราชวงค์ต้องห้ามกู้กง เพราะที่โน่นไม่ได้บอก ต้องอ่านหนังสือประวัตศาสตร์ละเอียดถึงจะรู้ นอกจากนั้น การสืบทอดวัฒนธรรมกรุงปักกิ่งได้แพร่หลายอยู่ทั่วกรุงปักกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการพัฒนาเศรฐกิจของจีนปัจจุบัน กรุงปักกิ่งมีการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สิ่งก่อสร้างมากมายในกรุงปักกิ่งยังถูกรื้อจนเหลือไม่เท่าไหร่ ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็เป็นจุดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากจะรู้การเปลี่ยนแปลงของกรุงปักกิ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ต้องไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะของพระราชสำนักแห่งกรุงปักกิ่งครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ เลขที่ 9 ของถนนหนันฉือจึ(南池子大街) เขตตงเฉิน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังต้องห้าม นั่งรถไฟใต้ดินสายหนึ่งลงป้ายเทียนอันเหมินตง เดินประมาณ 10 กว่านาทีก็ถึงแล้ว หลังผ่านสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ดอกไม้สีสวย จะเห็นสิ่งก่อสร้างโบราณที่เหมือนกับบ้านพักอาศัยที่ค่อนข้างใหญ่ในสมัยนั้น หน้าประตูเป็นสีแดง เพดานมีภาพเขียนที่สวยงาม และมีป้ายสีดำเขียนชื่อ พิพิธภัณฑ์ศิลปะราชสำนักแห่งกรุงปักกิ่ง
จริงๆแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพิ่งสร้างมาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น เริ่มเปิดให้เช้าชมเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2003 มีพื้นที่จัดแสดงราว 4,500 ตารางเมตร
เมื่อเข้าประตูพิพิธภัณฑ์จะเห็นจานทรายขนาดใหญ่ซึ่งได้จำลองพระราชวังสมัยราชวงค์หมิงและชิงซึ่งเจริญพัฒนาที่สุดของสมัยนั้น ด้วยอัตราส่วน 1 ต่อ 500 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งในพิพิธภัณฑ์
In/LJ
