นายหวัง อี้กล่าวว่า ปีนี้เข้าสู่วาระครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย การที่ท่านดอน ปรมัตถ์วินัยถือจีนเป็นประเทศแรกที่ต้องเยือนหลังดำรงตำแหน่งนั้น แสดงให้เห็นถึงเจตนาฉันมิตรที่ว่า "จีนไทยใช่อื่นใคร" อีกทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ เอกลักษณ์โดดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยคือ ไม่แทรกแซงหรือหวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศของตน ปัจจุบัน มิตรภาพจีน – ไทยกลายเป็นความรับรู้ร่วมกันของพรรครัฐบาล พรรคการเมือง และวงการต่างๆ ของไทย อันที่จริง เอกลักษณ์นี้ก็ดำรงอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศรอบข้างอื่นๆ เช่นกัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ มีพื้นฐานบนความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายหวัง อี้กล่าวอีกว่า ระหว่างการประชุม สองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่เกี่ยวกับปัญหาทวิภาคี ภูมิภาคและทั่วโลก และบรรลุความรับรู้ร่วมกันอย่างกว้างขวาง ประการหนึ่งคือ สองฝ่ายเห็นด้วยที่จะร่วมกันผลักดันกระบวนการสร้าง " 1 แถบ 1 เส้นทาง " จะใช้ความพยายามนากรเจาจรเพื่อลงนามเอกสารความร่วมมือโดยเร็ววัน สองคือ สองฝ่ายเห็นด้วยที่จะเร่งโครงการก่อสร้างทางรถไฟจีน – ไทย ให้ได้ภายในในปีนี้ สามคือ สองฝ่ายเห็นด้วยที่จะเริ่มต้นกลไกความร่วมมือลุ่มแม่น้ำล้านช้าง – แม่น้ำโขง
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัยกล่าวว่า รัฐบาลไทยเห็นด้วยและสนับสนุนข้อริเริ่ม " 1 แถบ 1 เส้นทาง " ที่เสนอขึ้นโดยจีน ยินดีกระชับความร่วมมือภายใต้กรอบดังกล่าวด้วยเจตนารมณ์ที่เปิดเผยและโปร่งใส ยินดีเร่งโครงการก่อสร้างทางรถไฟจีน –ไทย เพื่อสร้างความผาสุกให้กับประชาชนไทย สและเพื่อเป็นแบบอย่างความร่วมมือที่ดีให้กับคนรุ่นหลังของสองประเทศ ยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนและประเทศต่างๆ ตามลุ่มแม่น้ำโขง ร่วมกันรักษาทรัพยากรทางน้ำ ป้องกันภัยแล้งและภัยธรรมชาติอื่นๆ ภายใต้กรอบกลไกความร่วมมือลุ่มแม่น้ำล้านช้าง –แม่น้ำโขง
(Doon/Lin)