ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์(ค.ศ.690-705) นอกจากทำการย้ายราชธานีมายังลั่วหยางแล้ว พระนางยังมีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือ การบัญญัติตัวอักษรจีนคำใหม่ขึ้น โดยทรงเปลี่ยนพระนามองค์เองเป็น "จ้าว (曌)" ด้วย
ลักษณะตัวอักษรจีนแห่งจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียนจำแนกออกได้เป็น 2 แบบคือ เป็นตัวหนังสือแบบภาพกับตัวหนังสือแบบความหมาย อาทิ คำว่า "曌 (จ้าว)" ที่ใช้เป็นพระนามใหม่นั้น มีความหมายเหมือนกับคำว่า "จ้าว (照) สาดส่อง" โดยคำใหม่นี้เป็นการนำคำว่า พระอาทิตย์(日)และพระจันทร์(月)วางไว้บนคำว่า ท้องฟ้า, บนอากาศสูง(空) เนื่องจากเห็นว่าพระองค์เป็นดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ส่องสว่างกลางนภากาศ ไม่มีที่ใดที่พระบารมีสาดส่องไปไม่ถึง
(จากซ้าย) ดวงดาว พระจันทร์ และพระอาทิตย์
ตัวอักษรใหม่แทนคำว่า "พระจันทร์" อ่านว่า เย่ว์ เช่นเดียวกับคำว่า "月" โดยพระองค์เห็นว่าพระจันทร์เป็นตัวแทนของเพศหญิง(รวมถึงพระองค์) ดังนั้น จึงนำเครื่องหมายสวัสดิกะอันเป็นมงคลของพุทธศาสนา ใส่ในวงกลมคำว่า "ดวงดาว" ที่บัญญัติขึ้นใหม่ ส่วนคำว่า "พระอาทิตย์" อ่านว่า ยื่อร์ เช่นเดียวกับ "日" โดยตรงกลางมี "乙" คืออีกา เนื่องจากความเชื่อโบราณที่ว่า กาเป็นนกเทพตัวแทนพระอาทิตย์
(ซ้าย) เป็นคำว่า "หนึ่งชั่วชีวิตคน" เป็นการนำคำว่า หนึ่ง(一) ชีวิต(生) และคน( 亻) มาประกอบกัน อ่านว่า "ซื่อ" เช่นเดียวกับคำว่า "世"
(ขวา) เป็นคำว่า "ผืนแผ่นดิน" เป็นคำโบราณที่พระนางนำกลับมาใช้ใหม่ โดยประกอบขึ้นจากคำว่า ภูเขา(山) น้ำ(水) และดิน(土) อ่านว่า "ตี้" เช่นเดียวกับคำว่า "地"
คำศัพท์ใหม่ที่พระนางอู่เจ๋อเทียนทรงบัญญัติใช้นี้มีทั้งสิ้น 20 คำ เป็นคำที่บรรดาขุนนางต่างๆ พยายามขบคิดออกมาเสนอเพื่อเอาพระทัยพระองค์ ในจำนวนนี้มี 12 คำสร้างขึ้นโดย "จงฉินเค่อ" พระญาติที่เป็นผู้รับใช้คนสนิท โดยยกยอว่าการบัญญัติคำใหม่ขึ้นเพื่อแสดงออกถึงบารมีของพระนาง ซึ่งคำเหล่านี้ถูกใช้งานแพร่หลายตามพระบัญชา มีการสลักบนป้ายหิน ในคัมภีร์พุทธศาสนา ตลอดช่วงที่พระองค์ครองราชย์ และแม้จะถูกเปลี่ยนกลับเป็นราชวงศ์ถังแล้วก็ยังใช้ต่อเนื่องรวมเกือบ 150 ปีจึงสูญหาย เหลือใช้ในปัจจุบันเพียงคำว่า "จ้าว (曌)" พระนามของพระองค์
แวะพักทักลั่วหยาง โดย วังฟ้า 羅勇府
ลิงค์เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:หมู หมา กา ไก่ แบบไม่ไฉไลในสุภาษิตจีน