เมื่อเร็วๆ นี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายเกี่ยวข้องกับไต้หวันประจำปี 2019 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯปรับปรุงสถานะภาพที่มีต่อความสัมพันธ์กับไต้หวันตามประเทศอื่นๆ ซึ่งควรเพิ่มหรือลดการติดต่อทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงและทางการทูตกับไต้หวัน นับเป็นส่วนหนึ่งที่นักการเมืองสหรัฐฯ หวังที่จะชี้นำและบังคับ เพื่อช่วยเหลือทางการไต้หวันส่งเสริมการสถาปนาทางการทูต และขยายกิจการอวกาศนานาชาติ

ตั้งแต่นางไช่ อิงเหวิน บริหารไต้หวันเมื่อปี 2016 เป็นต้นมา ก็ได้มีประเทศที่ยกเลิกการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต 7 ประเทศกับไต้หวัน และสถาปนาหรือฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแผ่นดินใหญ่ จนถึงขณะนี้ ทั่วโลกมี 180 ประเทศ ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนโดยจีนยืนหยัดหลักการไม่ว่าประเทศใหญ่หรือเล็ก แข็งแรงหรืออ่อนแอ ยากจนหรือร่ำรวย จะมีความเสมอภาคเท่าเทียม และบรรลุซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน มีชัยชนะร่วมกันในการติดต่อกับประเทศต่างๆ ที่ทั่วโลกมองเห็นร่วมกัน

เมื่อ40 กว่าปีก่อน สหรัฐฯได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนบนพื้นฐานหลักการจีนเดียว แต่มติที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันประจำปี 2019 ฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กีดขวางประเทศอธิปไตยอื่นๆ พัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตที่เป็นปกติกับจีน มติฉบับนี้หมายจะถือไต้หวันเป็น “หมาก”ในการจำกัดการพัฒนาของจีน สร้างอุปสรรคในการรวมจีนเป็นเอกภาพ และต้องการที่จะยั่วยุการเป็นปฏิปักษ์ระหว่างสองฟากฝั่ง และสหรัฐฯเองจะได้รับผลประโยชน์เพื่อตนเอง จนรักษาฐานะความเป็นใหญ่ในโลก

Bo/kt/zdan