2020-06-18 15:26CRI
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือข่าวการเสียชีวิตของ สแตนลีย์ โฮ (Stanley Ho) นักธุรกิจชาวมาเก๊าในวัย 98 ปี คนส่วนใหญ่รู้จักเขาเพราะเขาเป็นผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจบ่อนกาสิโนในมาเก๊า และเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ทั้งในจีนและในเอเชีย แต่วันนี้เราจะรู้จัก สแตนลีย์โฮ ในมุมมองของ “นักธุรกิจผู้รักชาติ” ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งโดยสื่อจีน
เรื่องที่ทำให้สแตนลีย์ โฮได้รับชื่อ “นักธุรกิจผู้รักชาติ” เพราะในชีวิตของสแตนลีย์ โฮ ได้ทำความดีโดยตลอด เป็นผู้ใจบุญที่บริจาคเงิน เพื่อการกุศลหลายต่อหลายแห่งและได้รับคำชมมากมาย เขาเป็นที่รู้จักของชาวฮ่องกงโดยทั่วไปในฐานะผู้บริจาคเงินช่วยเหลือสังคมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนชื่อของเขาถูกนำไปตั้งเป็นชื่อทั้งในพิพิธภัณฑ์ 12 แห่ง โรงพยาบาล และศูนย์กีฬา ทั้งในฮ่องกงและมาเก๊า และก็ได้รับการยกย่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์อีกด้วย
นอกจากนี้สแตนลีย์ โฮ ยังเคยซื้อโบราณวัตถุที่ถูกขโมยมาจากพระราชวังฤดูร้อนเก่าของจีนด้วยราคากว่า 284 ล้านบาท เพื่อนำกลับไปคืนให้กับรัฐบาลจีนด้วย
ย้อนกลับไปในปี 2007 ประเทศจีนกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2008 ที่กรุงปักกิ่ง แต่ข่าวของโบราณวัตถุชิ้นหนึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วประเทศ ซึ่งก็คือ บริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่งจะประมูลรูปปั้นทองแดงหัวม้าของพระราชวังฤดูร้อน ก่อนที่ผู้บุกรุกจะทำการเผาพระราชวังฤดูร้อน รูปปั้นทองแดงรูปนี้ร่วมกับรูปปั้นทองแดงอีก 11 รูป เป็นรูปปั้นจักรราศีจีนอยู่แถวน้ำพุของพระราชวังฤดูร้อน เป็นงานศิลปะที่มีฝีมือยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอก เมื่อมีข่าวที่จะประมูลรูปปั้น ชาวจีนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก หวังว่าโบราณวัตถุจะสามารถกลับคืนสู่ประเทศจีน ขณะที่บริษัทประมูลบอกว่า จะต้องรักษาไว้ซึ่งความชอบธรรมโดยกฎหมายของการประมูล สแตนลีย์ โฮ ติดต่อกับบริษัทประมูล ในที่สุดและซื้อไปในราคา 69.1 ล้านเหรียญฮ่องกง ราวกับ 280 ล้านบาท สแตนลีย์ โฮเห็นว่าแม้ราคาแพง แต่การนำสมบัติของชาติกลับคืนสู่แผ่นดินแม่ ก็ต้องถือว่าไม่แพง ในเวลานั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะบริจาครูปปั้นหัวม้า ให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน แต่เพื่อเพิ่มคุณค่าของโบราณวัตถุชิ้นนี้ จะนำไปจัดแสดงในมาเก๊าและฮ่องกงสองสามปีก่อน เพื่อกระตุ้นความรักชาติของพี่น้องร่วมชาติในฮ่องกงและมาเก๊าเกี่ยวกับการสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรม ในเวลาเดียวกันให้เพื่อนร่วมชาติได้เรียนรู้เกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความมืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ต่อมา 13 พฤศจิกายน 2019 เขาส่งรูปปั้นหัวม้ากลับสู่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในกรุงปักกิ่ง เป็นของขวัญครบรอบ 20 ปี กลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งเป็นเสมือนภารกิจสำคัญสุดท้ายของชีวิตเขา
ในความจริง รูปปั้นหัวม้าไม่ใช่ครั้งแรกที่สแตนลีย์ โฮ ช่วยประเทศในการเอามรดกทางวัฒนธรรมกลับคืนมา การกลับมาของรูปปั้นทองแดงหัวหมู สแตนลีย์ โฮ ก็มีส่วนในเรื่องนี้ เมื่อปี 2003 ผู้เชี่ยวชาญจีนพบว่า รูปปั้นหัวหมูของพระราชวังฤดูร้อน เป็นสมบัติส่วนตัวของนักสะสมชาวอเมริกันคนหนึ่ง หลังจากการเจรจาเป็นเวลานาน นักสะสมคนนั้นตกลงที่จะขายคืนรูปปั้นให้กับจีน แต่ในเวลานั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนไม่มีเงินทุนที่เพียงพอ จึงขอความช่วยเหลือกับสแตนลีย์ และสแตนลีย์รีบตอบว่า "โอเค ทำเพื่อประเทศ ไม่มีปัญหา " 18 กันยายน ปี 2003 รูปปั้นหัวหมูมีการจัดแสดงในฮ่องกง ต่อมา สแตนลีย์ บริจาครูปปั้นให้กับพิพิธภัณฑ์เป่าลี่ของปักกิ่งอย่างเป็นทางการ สแตนลีย์เป็นนักสะสมของเก่ามาตลอด และได้บริจาคชุดสะสมให้กับประเทศหลายครั้ง