2020-10-14 15:53CRI
เมื่อเร็วๆ นี้ เว็ปไซต์ Bloomberg News รายงานว่าก่อนครบรอบ 100 ปีการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีหน้า รัฐบาลจีนอาจประกาศการบรรลุเป้าหมายการขจัดความยากจนพิเศษในชนบท ซึ่งหมายถึงหลังเหตุการณ์สำคัญที่จีนดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในด้านการตลาด ทำให้จีนขยับขึ้นมาเป็นประเทศใหญ่อันดับ 2 ทางเศรษฐกิจ ทำให้ กระบวนการพัฒนาของจีนได้ปักป้ายบอกระยะทางสำคัญอีกหนึ่งแห่ง
ประมาณ 1 ปีก่อน นางหลัว ปาหนี จินโม่ ชาวเผ่าอี๋ ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเอง เป็นเขตยากจนบนภูเขาของมณฑลเสฉวนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้ย้ายเข้าพักชุมชนกั่นอึนที่สร้างใหม่ด้วยความดีใจ เหตุการณ์นี้นับเป็นขั้นตอนแรกในการหลุดพ้นความยากจนของเธอ
ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมามีชาวนาผู้ยากจนจำนวนกว่า 10 ล้านคนได้ย้ายเข้าบ้านใหม่ที่รัฐบาลท้องถิ่นสร้างขึ้น โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการให้คำมั่นสัญญาการขจัดความยากจนพิเศษในเขตชนบทอย่างสิ้นเชิงก่อนสิ้นปีนี้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าใกล้กับเป้าหมายที่กำหนดไว้ สถิติทางการแสดงให้เห็นว่าจำนวนประชากรในชนบทที่ยากจนมากได้ลดลงจาก 56 ล้านคนในปี 2015 มาเป็น 5.5 ล้านคนในปัจจุบัน
ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางการจีนได้จัดคณะผู้สื่อข่าวต่างประเทศไปทำข่าวเกี่ยวกับโครงการขจัดความยากจนของมณฑลเสฉวน นางหลัว ปาหนี จินโม่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สภาพปัจจุบันดีขึ้นมาก แต่ก่อนอาศัยอยู่ในเขตเขา เด็กๆ ไปโรงเรียนก็ลำบากมาก ต้องเดินทางไกล เวลาฝนตกยิ่งน่ากลัว เพราะบ้านเก่ามาก น้ำฝนก็รั่วเข้าบ้าน
เดือนมีนาคมของปีนี้ ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวว่าการช่วยเหลือให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนนั้นเป็น “คำมั่นสัญญาที่เคร่งครัด” ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ต้องบรรลุตามกำหนดเวลา ไม่มีการอ่อนข้อหรือท้อถอยแต่อย่างใด
ศาสตราจารย์ถัง เหวินฟางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฮ่องกงกล่าวว่า ขณะที่ชาวโลกคุยถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของจีนในกระบวนการปฏิรูปหลังสมัยประธานเหมา เจ๋อตุง มักจะชื่นชมว่าการขจัดความยากจนเป็นหนึ่งในผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่เสนอโดย ปธน.สี จิ้นผิง ที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจีนมากยิ่งขึ้น
สถิติที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงบริการสาธารณะให้ดีขึ้น จะทำให้รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะที่เขตชนบทนักวิชาการจาก Ashe Center มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการสนับสนุนของประชาชนระหว่างปี 2003-2016 ปรากฏว่า กลุ่มคนในพื้นที่ชั้นในที่ค่อนข้างยากจนมีความพอใจต่อรัฐบาลจีนสูงขึ้นอย่างมาก