“อยากมั่งคั่ง ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”แนวคิดที่ผลักดันจีนสู่แนวหน้าการคมนาคมระดับโลก

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ” เป็นสุภาษิตของชาวจีน ความหมายก็คือ การที่จะทำให้พื้นที่ต่างๆของประเทศเกิดการพัฒนา เศรษฐกิจขยายเติบโต  ประชาชนมีรายได้ที่มากขึ้น  จนนำไปสู่การหลุดพ้นจากความยากจนได้นั้น  สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำก่อนเลยก็คือ  การสร้างถนนให้กับพื้นที่นั้นๆ ก่อน  ถ้าสร้างถนนเสร็จแล้ว  เรื่องอื่นก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง นั่นจึงทำให้ประเทศจีนให้ความสำคัญกับเรื่องคมนาคมของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะการสร้างระบบคมนาคมที่ดี และครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศจีน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่า  เป้าหมายนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้สำเร็จ 

ในวันที่ 19 พฤษภาคม ปี2020 นายหลีเสี่ยวเผิง กล่าวให้กับสำนักงานข่าวไชน่าเดลี่ว่า การสร้างระบบคมนาคมในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกลของจีนคาดว่าจะทำได้ครอบคลุมทั้งหมดภายในเวลาอันใกล้นี้  เพราะว่ามันคือสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้จีนลุล่วงเป้าหมาย “ขจัดความยากจน” ที่เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด และด้วยแนวคิดนี้เอง ที่ทำให้จีนให้ความสำคัญกับเรื่องคมนาคม และดูเหมือนว่าประเทศจีนจะไม่ได้หยุดอยู่ที่การสร้างถนนให้ครอบคลุม แต่ว่าตอนนี้จีนได้ขยายขอบเขตไปถึง ระบบทางรางทั้งในเมืองและระหว่างเมือง หรือทางอากาศยานอีกด้วย ที่หลายปีมานี้จะเห็นได้ว่า ในประเทศจีนมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เราลองมาดูกันว่าปัจจุบันระบบคมนาคมประเทศจีนพัฒนาไปถึงไหนแล้วบ้าง

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”แนวคิดที่ผลักดันจีนสู่แนวหน้าการคมนาคมระดับโลก_fororder_20210224-1

ถนนที่มณฑลเสฉวนhttps://ss0.bdstatic.com/70cFvHSh_Q1YnxGkpoWK1HF6hhy/it/u=1109114663,2337133495&fm=26&g

ระบบคมนาคมในเมือง

ระบบคมนาคมในเมืองแต่ละเมืองของประเทศจีนถือว่ามีการพัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของจีน  ที่มีทั้งระบบรถโดยสารที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง  จำนวนรถออกสม่ำเสมอ และประหยัด  ที่เพียงแค่เดินออกมาจากบ้านไม่เกิน 500 เมตร  ก็สามารถขึ้นรถโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งปัจจุบันประเทศจีนก็ยังให้ความสำคัญเรื่องรถโดยสารไฟฟ้า โดยเฉพาะเมืองเซินเจิ้น  นับว่าเป็นเมืองแรกและเมืองเดียวของโลกที่ใช้ระบบรถโดยสารไฟฟ้าแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ กล่าวคือรถโดยสารทุกคันในเมืองเซินเจิ้นเป็นรถไฟฟ้าหมดแล้ว และยังมีรถไฟฟ้าใต้ดินที่จะยิ่งเพิ่มความรวดเร็วในการที่จะทำให้เราสามารถเดินทางได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น  ซึ่งปัจจุบันตามเมืองหลักของจีนถือว่ามีระบบรถไฟฟ้าที่พัฒนาไปมาก และขยายโครงข่ายไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพื้นที่ที่มีระบบไฟฟ้าที่มากที่สุดของจีนได้แก่  ปักกิ่ง,เซี่ยงไฮ้,เซินเจิ้น,หนานจิง,อู่ฮั่น,

กว่างโจว,เฉิงตู,เทียนจิน,ต้าเหลียนและฮ่องกง ซึ่งเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีจำนวนรถไฟฟ้ามากที่สุด  มากถึง 19สาย  และเซี่ยงไฮ้ยังมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงแม็คเลฟ ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 430กม./ชม.เชื่อมระหว่างสนามบินผู่ตงกับเซี่ยงไฮ้เข้าไว้ด้วยกัน และเป็นเมืองเดียวของโลกที่นำรถไฟฟ้าความเร็วสูงแม่เหล็กที่นำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้แล้วอีกด้วย 

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”แนวคิดที่ผลักดันจีนสู่แนวหน้าการคมนาคมระดับโลก_fororder_20210224-2

รถโดยสารไฟฟ้าเมืองเซินเจิ้น

ภาพจาก:https://gimg2.baidu.com/image_search/src=http%3A%2F%2F5b0988e595225.cdn.sohucs.com

รถไฟระหว่างเมือง 

ปัจจุบันประเทศจีนได้หันมาใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นระบบคมนาคมหลักของประเทศ  ซึ่งประเทศจีนไม่ได้เป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่เริ่มใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงภายในประเทศของตัวเอง ซึ่งในตอนแรกจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนีและประเทศญี่ปุ่นในการช่วยสร้างรถไฟความเร็วสูง และไม่นานนัก  จีนก็สามารถวิจัยและผลิตรถไฟความเร็วสูงได้ด้วยตังเอง  ซึ่งรถไฟรุ่นเหอเสียเฮ่า  ก็สามารถวิ่งได้เร็วถึง 350กม./ชม.ในทางพาณิชย์  เป็นรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งได้เร็วที่สุดของโลกในปัจจุบัน และเพื่อให้พี่น้องชาวจีนทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์การนั่งรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลจีนได้ทุ่มทุนมหาศาลสร้างทางรถไฟความเร็วสูงให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ประชาชน  แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองเล็กๆ ก็ตาม หรือในพื้นที่ที่ต้องแล่นผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุอย่างซินเจียง  หรือพื้นที่หนาวสุดขั้วอย่างเฮยหลงเจียง ประเทศจีนก็สามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงไปถึงได้สำเร็จ จนในที่สุดปัจจุบันประเทศจีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงมากถึง 35,000 กม.  ซึ่งก็เป็นทางรถไฟความเร็วสูงที่มากที่สุดของโลกอีกด้วย  และประเทศจีนยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น  ปัจจุบันประเทศจีนกำลังพัฒนารถไฟแม็คเลฟ หรือรถไฟแม่เหล็กความเร็วสูงอีกสองรุ่นที่วิ่งได้เร็วถึง 600กม./ชม. เพื่อที่จะเพิ่มขีดความสามารถของประเทศจีนได้อีกในอนาคตอันใกล้ด้วย  ซึ่งน่าสนใจทีเดียวว่าในอนาคต ระบบรถไฟความเร็วสูงของจีนจะไปไกลได้ขนาดไหน และมันจะประหยัดเวลาในการเดินทางของชาวจีนได้มากขนาดไหนกัน  เรื่องนี้ถือว่าน่าติดตามเป็นอย่างมาก

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”แนวคิดที่ผลักดันจีนสู่แนวหน้าการคมนาคมระดับโลก_fororder_202102244-4

https://ss1.bdstatic.com/70cFuXSh_Q1YnxGkpoWK1HF6hhy/it/u=2903373974,50642007&fm=

ระบบอากาศยาน

ปัจจุบันประเทศจีนได้สร้างสนามบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าตกใจ อีกทั้งยังขยายหรือสร้างสนามบินขึ้นใหม่ในอีกหลายเมืองใหญ่  มีหลายเมืองในตอนนี้ที่สร้างเสร็จไปแล้ว  และมีสนามบินอีกหลายแห่งที่ตอนนี้กำลังเร่งก่อสร้างอยู่  ที่เสร็จไปแล้ว  ก็อย่างเช่น สนามบินอู่ฮั่น  สนามบินยูนนาน  สนามบินปักกิ่งต้าซิง  ซึ่งสนามบินของปักกิ่งแห่งใหม่นี้  เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของโลก  สนามบินที่กำลังสร้างอยู่ตัวอย่างเช่น  สนามบินเฉิงตู, ฉงชิ่งและชิงเต่า  เพื่อเป็นการรองรับเที่ยวบินและเป็นการเพิ่มขีดจำกัดในการรองรับผู้โดยสารในอนาคต และที่สำคัญปัจจุบันประเทศจีนก็สามารถผลิตเครื่องบินภายในประเทศตัวเองได้แล้ว ซึ่งนั่นสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้าเครื่องบินจากต่างประเทศได้  และยังสามารถเพิ่มรายได้การส่งออกเครื่องบินของประเทศจีนได้ในอนาคต

จะเห็นได้แนวคิดการสร้างระบบคมนาคมของประเทศจีนให้แข็งแกร่ง คงไม่ใช่แค่การสร้างถนนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพียงอย่างเดียว  แต่ว่าแนวคิดนี้มันยังครอบคลุมไปถึง ระบบของรถโดยสาร รถไฟฟ้าหรือเครื่องบิน  ที่จะต้องมีการพัฒนาให้มากที่สุด  เพราะประเทศจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่  ประชากรมาก  การที่มีระบบคมนาคมที่รวดเร็ว สะดวก ล้ำสมัยและครอบคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อิสระมากขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น ผลลัพธ์ทั้งสองนี้ยังทำให้ประเทศจีนสามารถลดจำนวนทรัพยากรของประเทศตัวเองได้อีกมหาศาล ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะเพิ่มความมั่งคั่งให้กับประเทศและประชาชนชาวจีน

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”แนวคิดที่ผลักดันจีนสู่แนวหน้าการคมนาคมระดับโลก_fororder_20210224-5

สนามบินปักกิ่งต้าซิง

https://gimg2.baidu.com/image_search/src=http%3A%2F%2Fi.ce.cn%2Fce%2Fxwzx%2Fgnsz%2Fgdxw%2F201907%2F02%2FW020190702376357678316

“อยากมั่งคั่ง  ต้องเริ่มที่สร้างถนนก่อน ”  แนวคิดนี้นับว่าเป็นพื้นฐานที่ประเทศจีนยึดมั่นเป็นอย่างมาก  และคงเป็นกุญแจความสำเร็จอันรวดเร็วของประเทศจีน  ที่ช่วยให้ประเทศจีนก้าวสู่เวทีระบบโลกได้มากขึ้น  และยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศไปด้วยภายในตัว ทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของประชากรและลดการพึ่งพาต่างชาติ ซึ่งแนวคิดนี้ถือว่าได้ผลดีเลยทีเดียว และไม่แน่ว่า  แนวคิดนี้อาจจะเป็นตัวอย่างที่ประเทศอื่นสามารถนำไปใช้ได้  เพื่อที่จะพัฒนาประเทศตัวเองต่อไป  เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีหรือแนวคิดต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ทั่วโลกต้องแบ่งปันกัน  และร่วมมือกัน  เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กัน

อ้างอิงข้อมูล: https://baijiahao.baidu.com/s?id=1667123021164219770&wfr=spider&for=pc

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)