2021-03-11 18:04
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนเขียนได้ไปเจอเพื่อนที่เคยเรียนที่เมืองจีนด้วยกัน สำหรับคนที่นานๆ เจอกันทีหนึ่ง นอกจากถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหัวข้อที่คุยกันได้เรื่อยๆ ก็คือ ตอนนี้ทำงานที่ไหน หน้าที่การงานเป็นอย่างไรบ้าง แถมอีกเรื่องด้วยความที่ได้ภาษาจีนซึ่งเป็นภาษาที่สาม (หรือสี่ -- แล้วแต่คน) อีกเรื่องที่คุยบ่อยคือรับงานนอก Part-time Job หรืองานพิเศษเสริมเพิ่มรายได้ไหม? สำหรับคนเขียนเอง เวลาที่คุยเรื่องราวเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการอัปเดตชีวิตเพื่อนแล้ว เราจะได้รู้ว่าในวงเพื่อนของเรามีใครรับงานแนวไหนบ้าง หากมีคนต้องการหรือมีงานที่เหมาะสมก็จะแนะนำให้เป็นรายๆ ไป ถือว่าช่วยเหลือกันในยุคโควิดที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
ที่มาภาพ: https://www.thesmallbusinesssite.co.za/2019/09/23/how-to-start-a-side-hustle-in-2019/
ในยุคปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การทำงานประจำอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของพวกเขา ยิ่งสมัยนี้เป็นยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนรุนแรง การมีงานประจำซึ่งเป็นที่มาของรายได้หลักเพียงแค่แหล่งเดียวอาจจะทำให้รู้สึกไม่มั่นคงเสียแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งเพิ่มเติมก็คือในยุคสมัยที่ผู้คนตามหาอิสระมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอิสระทางด้านความคิด การทำงาน หรืออิสระทางการเงิน การที่มีอาชีพมากกว่าหนึ่งอาจจะกลายเป็นสะพาน อีกหนึ่งเส้นทางในการบรรลุจุดประสงค์ของการมีอิสระในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ หลายคนใช้เวลานอกเวลางานประจำเพื่อหารายได้เพิ่มมากขึ้น จากทักษะพิเศษที่ตนเองมี
และหากมองในทางกลับกัน หลากหลายบริษัทรวมถึงองค์กรรัฐหลายแห่งก็สนใจจ้างงานแบบไม่ผูกมัดมากขึ้น การเอ้าท์ซอสหรือจ้างฟรีแลนซ์ก็กลายเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่นายจ้างนิยม เพราะพวกเขามองเห็นข้อดีว่า ไม่ต้องมีสัญญาผูกมัด จ่ายรายชิ้นงานหรือตามกำหนดระยะเวลาแล้วจบไป ไม่ต้องมีสวัสดิการ ด้าน วสะ สุภาโชค เอี่ยมสุรีย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการให้บริการหางานออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันแหล่งรวมงานของบรรดาฟรีแลนซ์และมืออาชีพต่างๆ ได้ให้ข้อมูลว่า อย่างในประเทศไทยเอง ฝั่งผู้จ้างงานก็นิยมจ้างงาน Outsource เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับการจ้างงานประจำ และส่วนใหญ่พวกเขาจ้างแบบออฟไลน์ คือ ใช้วิธีแนะนำปากต่อปาก
เมื่อไม่นานมานี้ สื่อจีน ไชน่า ยูธ เดลี่ เขาไปทำการสำรวจคนรุ่นใหม่ของจีนที่มีอายุระหว่าง 18- 35 ปี จำนวน 1,945 คน ผลการสำรวจพบว่า 30% มีรับงานเสริมอื่นนอกเหนือจากงานประจำ ในขณะที่อีกประมาณร้อยละ 60 กำลังวางแผนจะหางานเสริมเพิ่มรายได้ และในบรรดาสารพัดงานจ๊อบนอกหรืองานรอง กลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจงานจำพวก การทำธุรกิจทางออนไลน์ การเป็นคนขับรถพาร์ทไทม์ ให้คำปรึกษาและเป็นติวเตอร์ หรือ ดูแลแอคเค้าท์ของโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นต้น
มากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงออกถึงความคิดเห็นที่มีต่องานเสริมที่นอกเหนืองานประจำว่า มันช่วยเติมเต็มชีวิตของพวกเขา ทำให้ชีวิตมีสีสัน ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทักษะต่างๆ ได้ดี และก็ช่วยช่วยเพิ่มรายได้ให้อีกด้วย นอกจากนี้ พวกเขายังเชื่อว่าการที่ไปทำงานเสริมอย่างอื่นนอกเหนือจากงานประจำจะมีส่วนช่วยให้ความฝันของพวกเขาใกล้ความจริงเข้าไปอีกขั้น
ที่มาภาพ: https://blog.csdn.net/bjweimengshu/article/details/105926175
จีนมีคำกล่าวที่ว่า隔行如隔山 - เก๋อหังหรูเก๋อซาน ซึ่งมีความหมายว่า หากไม่ได้ทำงานอยู่ในแวดวงอะไร เราก็จะไม่เข้าใจลักษณะงานหรือธรรมชาติของแวดวงนั้นๆ หรืออธิบายแบบง่ายๆ คือ อยากเข้าใจงานอะไรก็ต้องลงไปคลุกวงในกับงานนั้นๆ และนี่เองทำให้หลายคน นอกจากจะทำงานประจำแล้ว งานอื่นในฝันที่ตนสนใจหรืออยากทำก็ถูกนำมาเป็นตัวเลือกของงานรอง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ตนได้ไปชิมลางในแวดวงของงานนั้นๆ ซึ่งเราอาจจะได้ทั้งประสบการณ์ คอนเนคชั่น หรือแม้แต่ทำไปสักพักก็อาจจะตอบตนเองได้ว่า ชอบงานนั้นจริงหรือไม่
กับคำถามที่ถามว่า “การที่เรารับงานนอกแบบอิสระเพิ่มเติมจากงานประจำนั้น มันส่งผลเชิงบวกหรือลบมากกว่ากันอย่างไรบ้าง? ” 48% ของกลุ่มที่ทำแบบสอบถามตอบว่า งานนอกส่งผลเชิงบวกให้กับพวกเขามากกว่า ในขณะที่ร้อยละ 18 บอกว่า มันอาจจะส่งผลเชิงลบมากกว่า โดยอาจจะส่งผลกระทบกับงานประจำที่พวกเขารับเป็นเงินเดือนอยู่แล้ว
มากกว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นคนรุ่นใหม่ชาวจีน มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การที่รับงานอิสระนั้นจะต้องไม่ให้มันกระทบต่องานฟูลไทม์จ๊อบหรืองานประจำของเรา ในขณะที่ 57% แนะนำว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเริ่มต้นงานรองเหล่านั้น หากว่ายังไม่แน่ใจว่าเจองานที่ชอบหรือที่เหมาะกับเราและเราอยากทำจริงๆ ส่วนตัวของคนเขียน หากให้เลือกแล้ว การมีงานรองที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ อยากรู้อยากลองและได้เงินค่าขนม (ค่าตอบแทน) บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ก็ยังเห็นด้วยกับส่วนใหญ่ของคนที่ทำโพล (Poll) นี้ ว่าต้องจัดการไม่ให้งานรองกระทบต่องานหลัก อ่อ…แล้วขอเสริมอีกนิดว่า นอกจากไม่กระทบงานหลักแล้ว ก็ไม่ควรจะกระทบต่อเวลาส่วนตัวมากเกินไป เช่น หักโหมจนเสียสุขภาพ ทำงานเพิ่ม ได้เงินเพิ่ม ได้โอกาสเพิ่มเป็นเรื่องน่าสนับสนุน แต่อย่างไรก็อย่าลืมบาลานซ์เวลาที่ให้ต่อตนเองและครอบครัวให้ดีๆ ด้วยนะคะ
แหล่งข้อมูลที่มา: