เมื่อเร็วๆนี้ นายสิทธัต ชาตทจี ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศจีนให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าวจากไชน่ามีเดียกรุ๊ป โดยชื่นชมจีนที่สร้างคุณประโยชน์ในงานต้านโรคระบาดทั่วโลกและการขจัดความยากจน

นายสิทธัต ชาตทจี เห็นว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดที่ทรงพลังและความร่วมมือของประชาชน เป็นปัจจัยหลักที่จีนได้รับชัยชนะในต้านโควิด

เขากล่าวว่า “สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ชาวโลกให้ความสำคัญต่อระบบสาธารณสุขของโลก และเราจะเห็นถึง บางประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ทันสมัยและเข้มแข็งที่สุด กลับเป็นประเทศที่ล่มสลายเร็วที่สุดเมื่อเผิชญกับสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น สถานการณ์โรคระบาดของประเทศใดประเทศหนึ่งมีความหนักหน่วงหรือไม่ ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับความทันสมัยทางสังคมและระดับการวิจัยทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความประพฤติของผู้คนในประเทศนั้นๆด้วย ว่ามีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดหรือไม่ ใส่หน้ากากและล้างมือบ่อยครั้งหรือไม่ ประเทศจีนได้ทำตัวเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นในหลายด้าน หากแต่ละประเทศล้วนสามารถปฏิบัติตามระเบียบวินัยและระบบการบริหาร ไวรัสโควิดย่อมจะสามารถยับยั้งได้อย่างดี”

การขจัดความยากจนทุกประเภทเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญใน “วาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2030” ของสหประชาชาติ ประเทศจีนได้ช่วยให้ประชาชนจำนวน 800 ล้านคนออกจากความยากจนข้นแค้น มีส่วนช่วยในการลดความยากจนทั่วโลกเกิน 75% สร้างคุณประโยชน์อันสำคัญต่อโลกในการขจัดความยากจน บรรลุซึ่งการพัฒนาอย่างสันติ นายสิทธัต ชาตทจียังชื่นชมว่า “ระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนำประเทศจีนเปลี่ยนอนาคตของผู้ยากจนในชาติจำนวน 100 ล้านคน ระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการช่วยให้ผู้คนจำนวน 800 ล้านคนพ้นจากความยากจน นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดายิ่ง ควรแบ่งปันประสบการณ์ให้กับทั่วโลก และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับบรรดาประเทศที่กำลังมุ่งแสวงหาหนทางหลุดพ้นจากความยากจน”(Yim/Zi)