2021-04-14 13:22CRI
ตั้งแต่ชาวอเมริกันอินเดียน (American Indian) ที่ใช้ชีวิตแบบพลเมืองชั้น 2 และสิทธิประโยชน์ถูกเหยียบย่ำ ไปถึงนาย George Floyd ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่ถูกตำรวจผิวขาว “คุกเข่าสังหาร” จนเสียชีวิต และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ถูกโจมตีและหมิ่นเกียรติในสถานที่สาธารณะ ทั้งหมดนี้ล้วนชี้ว่าลัทธิชาตินิยมสหรัฐกำลังเจริญเติบโตแบบเนื้อร้าย
รายงานจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (California State University, CSU) ระบุว่า ปี 2020 คดีกระทำผิดกฎหมายประเภทความเกลียดชังในสหรัฐปรับลดลง 7% เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่คดีกระทำผิดกฎหมายประเภทความเกลียดชังที่มีต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียกลับพุ่งขึ้น 149% เว็บไซต์ The New York Times ระบุว่า “ช่วงเกิดโควิด-19 ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสหรัฐรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่ง”
การเกลียดชังที่มีต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียกลับพุ่งขึ้นอย่างมาก มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่จงใจใช้คำพูดทำนองที่ว่า “ไวรัสจีน” และ “ไข้หวัดกังฟู” แต่สิ่งที่อยู่ลึกกว่านั้นคือ ลัทธิชาตินิยมสหรัฐเป็นการเหยียบย่ำสิทธิมนุษยชนที่พุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและทางวัฒนธรรมมาเป็นเวลานาน
ที่สหรัฐ ลัทธิชาตินิยมยังฝังรากลึก และยั่งยืน โดยชาวผิวขาวอยู่เหนือสุด ชาวเผ่าอื่นถูกเหยียบย่ำทางสิทธิมนุษยชนในเบื้องต้น ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้สหรัฐตกอยู่ในภาวะความแตกแยกทางสังคมชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น หากยังฉุดกระชากหน้ากากจอมปลอมของ “ประชาธิปไตยแบบสหรัฐ” อีกด้วย
(BO/LING/CAI)