2021-04-20 17:50ไชน่ามีเดียกรุ๊ป
หลังจากจีนได้เสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ทำให้การติดต่อทางเศรษฐกิจการค้าและระดับการลงทุนระหว่างประเทศจีนและประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพิ่มขึ้นอย่างมาก วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ในที่ประชุมโต๊ะกลมว่าด้วยการระดมทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยส่งเสริมการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูง สังกัดการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว กระทรวงพาณิชย์จีนได้รายงานผลสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุนในช่วง 8 ปีหลังเสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยผู้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวเห็นว่า ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ได้นำมาซึ่งโอกาสการพัฒนาแก่ประเทศของตน และจะยังคงส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศจีน
นายเฉียน เค่อหมิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า หลังจากจีนได้เสนอข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ตั้งแต่ปีค.ศ. 2013 เป็นต้นมา ยอดการค้าระหว่างจีนและประเทศรายทางสูงถึง 9.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จีนมีการลงทุนโดยตรงต่อประเทศรายทางถึง 136,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับโครงการที่ทำสัญญากับต่างประเทศ ช่วง 8 ปีมานี้ ประเทศที่มีการลงนามสัญญากับประเทศรายทางที่มีมูลค่ารวมแล้วถึง 940,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นาย Shaukat Aziz อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานเห็นว่า ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” นำมาซึ่งโอกาสการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงต่อปากีสถาน โดยกล่าวว่า “หลังจากเริ่มดำเนินโครงการ ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ ฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือประเทศปากีสถาน ซึ่งข้อริเริ่ม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ ทำให้ประเทศของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง พวกเรามีการก่อสร้างท่าเรือกวาดาร์ การพัฒนาของท่าเรือนี้นำมาซึ่งอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และโอกาสการทำงาน ทำให้เมืองมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น โครงการ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’นี้ ทำให้ประเทศอื่นๆ สามารถเชื่อมโยงกัน เชื่อว่าในอนาคต โครงการนี้ย่อมจะนำมาซึ่งโอกาสทางการตลาด การลงทุนที่ต่อยอดไปถึงโอกาสการพัฒนาของปากีสถาน ”
ประเทศฮังการีเป็นประเทศในทวีปยุโรปแห่งแรกที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือของโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” นาย Mihály Patai รองผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งชาติฮังการีเห็นว่า ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฮังการีจะยังคงความร่วมมือกับประเทศจีนต่อไปภายใต้กรอบความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
นาย Mihály Patai กล่าวว่า “การพัฒนาอย่างยั่งยืนและดิจิทัลจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นโครงการ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ ควรให้ความสำคัญต่อสองประเด็นนี้ สำหรับประเทศฮังการีแล้ว พวกเรายินดีที่จะเข้าร่วมโครงการ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ และจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีของโครงการนี้ต่อไป ”
(Bo/Zi)