บทวิเคราะห์ : อุดมการณ์และศรัทธาเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

2021-04-29 08:31CMG

เช้าวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2021 ขณะลงพื้นที่ตรวจงานและศึกษาค้นคว้าที่เขตปกครองตนเองชนเผ่าจ้วงกวางสี นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีจีน กล่าวถึงยุทธการเซียงเจียงซึ่งเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ระหว่างการเดินทัพทางไกลของกองทัพแดงส่วนกลางของจีน พร้อมทั้งระบุว่า กุญแจสู่ความสำเร็จของการปฏิวัติจีนนั้น คือ “การพึ่งพาอุดมการณ์และศรัทธา”

บทวิเคราะห์: อุดมการณ์และศรัทธาเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีน_fororder_习近平谈湘江战役

ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่เพียงแต่ยุคสงครามเป็นเช่นนี้เท่านั้น การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพาประชาชนดำเนินการสร้างสรรค์ประเทศชาติ การปฏิรูปและเปิดสู่ภายนอก ตลอดจนการรับมือความท้าทายและภัยเสี่ยงประการต่าง ๆ นับตั้งแต่จีนใหม่สถาปนาขึ้น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นั้น มีกุญแจสำคัญเดียวกัน คือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีอุดมการณ์และศรัทธาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่นั่นเอง

อุดมการณ์และศรัทธาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือ ความเลื่อมใสศรัทธาในลัทธิมาร์กซ์ สังคมนิยม และลัทธิคอมมิวนิสต์ อุดมการณ์และศรัทธาดังกล่าวนี้เป็นความต้องการเชิงธาตุแท้ของความมุ่งมั่นตั้งใจแรกเริ่มของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งก็คือ “การแสวงหาความสุขแก่ประชาชนและการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีน”

อุดมการณ์และศรัทธาเป็นเสาหลักทางจิตใจและแหล่งที่มาของกำลังวังชา นายสี จิ้นผิง กล่าวชี้ว่า “มีแต่บุคคลที่มีอุดมการณ์และศรัทธาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เท่านั้นจึงจะสามารถฟันฝ่าต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ได้อย่างเด็ดเดี่ยว ต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ แม้ต้องเผชิญการซัดกระหน่ำจากลมฝน ภัยเสี่ยง และความยากลำบากนานัปการก็ตาม”

ยุทธการเซียงเจียงเคยเป็นการสู้รบที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของกองทัพแดงส่วนกลางภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อันถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทเชิงชี้ขาดชะตากรรมของการปฏิวัติจีน ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม ค.ศ. 1934 พื้นที่บริเวณตอนบนของลุ่มน้ำเซียงเจียงในเขตกวางสี กองทัพแดงส่วนกลางได้สู้รบกับกองทหารของพรรคก๊กมิ่นตั๋งซึ่งมีกำลังพลมากกว่าเป็นอย่างมากเป็นเวลานานถึง 5 วัน 5 คืน กองทัพแดงทุกนายต่างสู้รบกันด้วยความกล้าหาญและไม่เกรงกลัวความตาย ท้ายที่สุดทหารแดงสามารถข้ามแม่น้ำเซียงเจียงด้วยกำลังทหารเป็นผลสำเร็จ นำไปสู่การทะลวงวงล้อมรอบที่ 4 ของกองทหารพรรคก๊กมิ่นตั๋งออกไปได้ หากเวลานั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่มีอุดมการณ์และศรัทธาอันเด็ดเดี่ยว คงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถคว้าชัยชนะดั่งปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้

ตั้งแต่เข้าสู่ยุคใกล้เป็นต้นมา เพื่อบรรลุอุดมการณ์และศรัทธาอันสูงส่ง พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามัคคีและนำพาประชาชนดำเนินการต่อสู้ด้วยความยากลำบากเพื่อช่วงชิงความเป็นเอกราชแห่งประชาชาติ การปลดปล่อยประชาชน การบรรลุความมั่งคั่งและความแข็งแกร่งของประเทศชาติ ตลอดจนความผาสุกของประชาชน จนประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนประเทศจีนใหม่ให้บรรลุการพัฒนาและความก้าวหน้าเชิงประวัติศาสตร์ สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ “ประเทศชาติมีเสถียรภาพเป็นเวลายาวนาน” และ “เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง” ตลอดจนคว้าชัยชนะที่ทำให้ประชาชนจีนรู้สึกภาคภูมิใจและชาวต่างชาติจับตามอง เช่น ชัยชนะแห่งสงครามแก้ไขอุปสรรคและความยากลำบากเพื่อขจัดความยากจน และชัยชนะแห่งสงครามป้องกันควบคุมโควิด-19 เป็นต้น ประชาชาติจีนบรรลุการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจาก “การลุกขึ้นยืน” สู่ “ความมั่งคั่ง” และ “ความเข้มแข็ง” และกำลังเดินสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์แห่งการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีน ประวัติศาสตร์อันไม่ธรรมดานับตั้งแต่ยุคใกล้เป็นต้นมาของจีนคือประวัติศาสตร์ที่พรรคคอมมิวนิสต์แปรอุดมการณ์และศรัทธาให้เป็นความจริงนั่นเอง

อย่างไรก็ตามควรยอมรับว่า อุดมการณ์และศรัทธาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็เคยถูกบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคฯ บางคนตั้งข้อสงสัย พวกเขาถือการวิพากษ์วิจารณ์และเหน็บแนมลัทธิมาร์กซ์เป็นเรื่อง “แฟชั่น” โดยมองลัทธิมาร์กซ์เป็นความเพ้อฝันที่เลื่อนลอย ทั้งนี้ สาเหตุเพราะบุคคลเหล่านั้นขาดความมุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

การใฝ่หาชีวิตอันดีงามของประชาชนเป็นพลังอันยั่งยืนที่สุดในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอารยธรรมแห่งมนุษยชาติ การยืนหยัดปฏิบัติตามกฎภววิสัยเป็นการค้ำจุนที่พึ่งพาได้มากที่สุดแห่งการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอารยธรรมแห่งมนุษยชาติ บรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ยืนหยัดความมุ่งมั่นตั้งใจแรกเริ่มนั้นมีความเชื่อถือได้อย่างลึกซึ้งและแน่วแน่ว่า ลัทธิมาร์กซ์ได้ค้นพบกฎแห่งการพัฒนาของสังคมมนุษยชาติ ได้ชี้นำอุดมการณ์อันยาวไกลแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งถือเป็นการชี้นำทิศทางแห่งการสร้างสังคมอุดมการณ์ที่ไร้การกดขี่ขูดรีด ทุกคนมีเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียม

อุดมการณ์และศรัทธาอันแน่วแน่เป็นเสาหลักทางจิตใจและจิตวิญญาณทางการเมืองของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน หากขาดอุดมการณ์และศรัทธาก็จะขาดจิตวิญญาณและทำให้หลงทาง หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ อุดมการณ์และศรัทธาก็เสมือน “แคลเซียม” ทางจิตใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อไม่มีอุดมการณ์และศรัทธาอย่างหนักแน่นก็จะทำให้ขาด “แคลเซียม” ทางจิตใจ นำไปสู่การเกิด “โรคกระดูกพรุน” ด้วยเหตุนี้ การสั่นคลอนทางอุดมการณ์และศรัทธาจึงเป็นการสั่นคลอนที่อันตรายที่สุด

ความเสื่อมถอยของพรรคการเมืองมักเริ่มต้นจากการสูญเสียหรือขาดอุดมการณ์รวมถึงศรัทธา ประสบการณ์และบทเรียนทางประวัติศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นอย่างเต็มที่ในประเด็นนี้ อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตสูญเสียความเลื่อมใสและศรัทธาต่อลัทธิมาร์กซ์ ไม่เชื่อมั่นในพลังชีวิตแห่งสังคมนิยมวิทยาศาสตร์ ปฏิเสธประวัติศาสตร์ของพรรค บิดเบือนและสร้างความอัปยศแก่ผู้นําพรรค ในที่สุดจึงนำไปสู่การล่มสลายของภารกิจสังคมนิยมโซเวียตที่มีอายุเกือบ 70 ปี ตลอดจนการล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตซึ่งมีอายุกว่า 90 ปี และมีอิทธิพลมากที่สุดในกระบวนการเคลื่อนไหวแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์สากล

ในทางตรงกันข้ามพรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดมั่นในอุดมการณ์และศรัทธาอย่างเด็ดเดี่ยว จึงประสบชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าในการปฏิวัติ การสร้างสรรค์และปฏิรูป อุดมการณ์และศรัทธาถือเป็นกุญแจแห่งการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างแท้จริง

TIM/LU

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)