2021-06-28 12:50สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางของจีน
เมื่อเร็วๆนี้ มีการประกาศผลตัดสินของเดเร็ค เชาวิน อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวชาวสหรัฐฯ ที่ใช้เข่ากดคอสังหารจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา มีสื่อสหรัฐฯยืนยันว่า เดเร็ค เชาวินที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 22 ปี 6 เดือนนั้น เป็นจุดหักเหสำคัญในประวัติศาสตร์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสหรัฐฯ แต่ประชาชนสหรัฐฯจำนวนมากไม่คิดแบบนี้ พวกเขาเห็นว่าไม่มีใครพอใจต่อคำพิพากษา จนถึงวันนี้ เดเร็ค เชาวินยังไม่ได้กล่าวคำขอโทษกับคนในครอบครัวจอร์จ ฟลอยด์ นอกจากนี้ การเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบของสหรัฐฯ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้จากคดีหนึ่ง
ทนายความของจอร์จ ฟลอยด์ระบุว่า เมื่อใดที่ชาติพันธุ์ผิวสีไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตำรวจสังหารเนื่องจากเรื่องสีผิว จึงจะเป็นความยุติธรรมที่แท้จริง ประโยคดังกล่าวได้บอกเล่าเรื่องจริงและประวัติศาสตร์ที่สิทธิมนุษยชนของชนชาติส่วนน้อยในสหรัฐฯ โดนเหยียบย่ำอย่างไม่ปรานี
หนึ่งปีมานี้ การปฏิบัติหน้าที่อย่างรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติของตำรวจสหรัฐฯไม่ได้หยุดชะงักเลย มีเหตุการณ์ดิ้นรนอย่างสิ้นหวังแบบ “ฉันหายใจไม่ออก” ยังเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆของสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง หนึ่งปีมานี้ ร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปตำรวจที่ตั้งด้วยชื่อจอร์จ ฟลอยด์เป็นไปได้อย่างลำบาก เมื่อเร็วๆนี้หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ตีพิมพ์บทความยาวในหัวข้อ “การปฏิรูประบบตำรวจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีและย่อมกลับคืนสู่จุดเดิม” โดยระบุว่า ต้นตออคติเหยียดเชื้อชาติและพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่อย่างรุนแรงของตำรวจเป็นวัฒนธรรมภายในระบบตำรวจ หากไม่สามารถมีการปฏิรูปภายในอย่างสิ้นเชิง ร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปผิวเผินย่อมจะล้มเหลว
สหรัฐฯในปัจจุบัน ชาวผิวขาวอยู่เหนือสุดฝังรากลึกในสังคม บวกกับนักการเมืองบางคนที่ละเลยต่อหน้าที่ ตลอดจนยั่วยุหรือปล่อยให้กระทำผิด ลัทธิเหยียดเชื้อชาติจึงดำเนินอยู่ในสหรัฐฯอย่างรอบด้าน เป็นระบบและต่อเนื่อง
และที่ประชดประชันคือ นักการเมืองสหรัฐฯบางคนเมินเฉยต่อพฤติกรรมที่ชั่วช้าด้านสิทธิมนุษยชนของตน กลับโอ้อวดว่าตนเป็นแบบฉบับและชี้นิ้วสั่งเรื่องสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่น
การที่เดเร็ค เชาวินถูกศาลตัดสินจำคุกไม่สามารถปิดบังความมืดมนของสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ ไม่ว่าการเข่นฆ่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นการใหญ่ในอดีต หรือการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าการยั่วยุสงครามอัฟกานิสถาน อิรัก และซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน และเกือบ 10 ล้านคนต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หรือการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวรังแกประเทศอื่น พฤติกรรมที่ชั่วช้าด้านสิทธิมนุษยชนสหรัฐฯมีนับไม่ถ้วน ไม่มีสิ่งใดสามารถปกปิดความอัปยศอดสูนี้ได้
(Yim/Cui)