ความมืดใต้ประภาคารแห่งสิทธิมนุษยชนแบบสหรัฐฯ

2021-07-21 16:00CRI

หนังสือพิมพ์กวงหมิงรึเป้ารายงานว่า สหรัฐฯระบุตนเองว่าเป็น “ประภาคารแห่งสิทธิมนุษยชน” และมักจะถือข้ออ้าง “คุ้มครองสิทธิมนุษยชน” เพื่อแทรกแซงหรือกดดันประเทศอื่นตามใจชอบ ซึ่งความจริงที่อยู่ใต้ประภาคารนี้ กลับเป็นการดูหมิ่นและการทำลายชาวมุสลิมอย่างร้ายแรงจากสหรัฐฯ โดยพฤติกรรมต่างๆในการดูหมิ่นและการทำลายชาวมุสลิมทั้งภายในสหรัฐฯและในประเทศอื่นๆนั้น แสดงให้เห็นถึงความจอมปลอมของ “สิทธิมนุษยชนแบบสหรัฐฯ ”

ตั้งแต่ต้นศตวรรษนี้เป็นต้นมา สหรัฐฯถือข้ออ้าง “ต่อต้านการก่อการร้าย” ก่อสงครามที่อัฟกานิสถาน ซีเรีย และอิรัก สังหารชีวิตชาวมุสลิมทั่วไปหลายสิบล้านคน ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความยากลำบากในการใช้ชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ก่อเกิดการเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ และสร้างความทุกข์กับประชาชนทั่วไปอย่างมาก

เมื่อเผชิญกับการปะทะระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนอิสราเอล โดยขัดต่อความรับรู้ร่วมกันของประเทศอื่นหลายครั้ง เมื่อเผชิญกับการสังหารชีวิตอย่างโหดร้ายของชาวอิสราเอลที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ สหรัฐฯเลือกยืนฝ่ายตรงข้ามกับความดีและความเป็นธรรมของมวลมนุษย์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติผ่านแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเรียกร้องให้ปาเลสไตน์และอิสราเอลหยุดการปะทะ และปกป้องประชาชนทั่วไปเป็นครั้งที่ 3 แถมยังตกลงจำหน่ายขีปนาวุธนำวิถีแม่นยำที่มีมูลค่าเป็น 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่ออิสราเอลด้วย ดั่งคำกล่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า “ถึงแม้สหรัฐฯระบุว่า ตนเองติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม แต่กลับไม่สนใจความทุกข์ของประชาชนปาเลสไตน์” สิทธิมนุษยชนเป็นแค่อาวุธทางการเมืองของสหรัฐฯ เพื่อปิดบังเป้าหมายเลวร้ายของตน จะได้กระทำพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติที่ขัดต่อสัจธรรมสากลและมโนธรรมต่อไปได้

Yim/Ldan/Zhou

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)