อดีตประธานรัฐสภาไทยชี้จีนเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพ และการพัฒนาของโลก

เมื่อเร็วๆ นี้  ดร.โภคิน พลกุล  อดีตประธานรัฐสภาของไทย  และนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่าช่วง 100 ปี ที่ผ่านมา   พรรคคอมมิวนิสต์จีนในฐานะพรรคการเมืองที่มีความสำคัญยิ่งของโลกได้พัฒนาเติบโตขึ้นด้วยความมานะอดทนจนประสบความสำเร็จอันรุ่งโรจน์  ปัจจุบันจีนได้เริ่มกระบวนการใหม่แห่งการพัฒนาประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยรอบด้าน   พร้อมทั้งได้กลายเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพ และการพัฒนาบนเวทีโลก 

ดร.โภคิน พลกุล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งชาติจีน หรือ  ไชน่ามีเดียส์กรุ๊ป โดยกล่าวว่าเมื่อ 100 ปีก่อน  จีนตกอยู่ในภาวะยากจนและอ่อนแอมาก  แต่พรรคคอมมิวนิสต์ได้บากบั่นต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองด้วยจิตวิญญาณที่มีความภาคภูมิใจ กล้าหาญ  และเสียสละ  ขจัดความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆ   นำประชาชนจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศที่ทั่วโลกจับตา มอง

ดร.โภคิน พลกุล ตั้งข้อสังเกตว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดแนวความคิดที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือการขจัดความยากจนเป็นภารกิจสำคัญและได้พิจารณาประเด็นปัญหาสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการขจัดความยากจน  เช่น ต้องช่วยเหลือประชากรยากจนด้วยวิธีการใด  ต้องประเมินและขยายความสำเร็จในการบรรเทาความยากจนอย่างไร    สุดท้ายรัฐบาลจีนก็ได้ดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชากรยากจนที่สามารถตอบโจทย์ได้   และหลังจีนใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 8 ปี ประชากรยากจนประมาณ 100 ล้านคนในพื้นที่ชนบททั่วประเทศจีนสามารถหลุดพ้นจากภาวะยากจน  ถือเป็นการสร้างคุณูปการแก่การสร้างสังคมพอกินพอใช้รอบด้าน  และความสำเร็จเช่นนี้ควรได้รับการเคารพจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 

ดร.โภคิน พลกุล แสดงความคิดเห็นว่า  จิตวิญญาณที่กล้ารับผิดชอบของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้แสดงออกให้เห็นจากการที่จีนได้ให้การสนับสนุนและสร้างคุณูปการแก่ประชาคมโลก   จีนยืนยัดในการรักษาความเที่ยงธรรมและความเป็นธรรมในสากลโลกอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่   ริเริ่มส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  เสนอแนวความคิดว่าด้วยการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน  เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมกลไกแบบพหุภาคีโลก  จึงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาคมโลก  

การระบาดของโควิด-19 ทำให้ชาวโลกตระหนักดีขึ้นว่า ความผาสุกและอนาคตของประชาชนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิด  การทำให้สังคมมนุษย์พ้นจากวิกฤตมีทางออกเพียงทางเดียวเท่านั้น   คือแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง  และร่วมมือกันเพื่อมีชัยชนะร่วมกัน    การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเป็นหนทางที่ถูกต้องที่จะนำไปสู่สันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน 

ดร.โภคิน พลกุล   ได้ประเมินค่าอย่างสูงต่อข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”  เขากล่าวว่า การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นประโยชน์ต่อการกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศ   และช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลโลก รวมทั้งลดความขัดแย้ง    และส่งเสริมการอำนวยประโยชน์แก่กัน เพื่อมีชัยชนะร่วมกัน   อีกทั้งยังจะช่วยผลักดันความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน และการเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศรายทางหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง   

ตั้งแต่ ค.ศ.2013 ถึง ค.ศ. 2019  จีนได้ลงทุนในวงเงิน 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศรายทางภายใต้กรอบ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”  ทั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จีนกำลังร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อพัฒนาร่วมกัน พร้อมทั้งสร้างคุณูปการแก่การส่งเสริมเสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของโลก   จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกฝ่ายจะกระชับความร่วมมือกันมากขึ้นภายใต้กรอบ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน 

(bo/cai)

เนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)