ความคิดอันลึกซึ้งของปธน.สี จิ้นผิงด้านสิทธิมนุษยชนจีน: หนทางแห่งการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน

2021-08-27 10:30CMG

ควบคู่ไปกับสังคมนิยมแบบอัตลักษณ์จีนย่างเข้าสู่ยุคใหม่ ภารกิจสิทธิมนุษยชนของจีนก็เข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้ส่งสารแสดงความยินดีถึง "ฟอรั่มสิทธิมนุษยชนปักกิ่ง 2015" "ฟอรั่มนานาชาติเพื่อรำลึกการผ่าน ‘ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา’ ครบรอบ 30 ปี" "ฟอรั่มสิทธิมนุษยชนใต้-ใต้ ครั้งแรก" และ "การประชุมสัมมนาเพื่อระลึกการออก ‘ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน’ ครบรอบ 70 ปี" ตามลำดับ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการให้ความสำคัญอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของปธน.สี จิ้นผิงที่มีต่อภารกิจสิทธิมนุษยชนเท่านั้น หากยังเป็นการบ่งบอกอย่างรวมศูนย์ถึงความคิดอันลึกซึ้งของชาวคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน การรับรู้แนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคใหม่นั้น ย่อมมีความหมายสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจจีนร่วมสมัยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น 

ความคิดอันลึกซึ้งของปธน.สี จิ้นผิงด้านสิทธิมนุษยชนจีน: หนทางแห่งการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน_fororder_1

พรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพาประชาชนจีนประสบความสำเร็จในการเดินบนหนทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับสภาพเงื่อนไขของประเทศชาติ

หนทางกำหนดชะตากรรม หนึ่งในประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือ ในภาคปฏิบัติอันยิ่งใหญ่ในการเป็นผู้นำการปฏิวัติ การสร้างสรรค์ หรือการปฏิรูปและเปิดประเทศ  พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างมุ่งมั่นที่จะค้นหาและบุกเบิกหนทางที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพประเทศของจีน ในด้านสิทธิมนุษยชนก็เช่นกัน

ในสารแสดงความยินดีเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนนั้น  สี จิ้นผิงได้ให้ข้อสรุปอันสำคัญที่ว่า "ได้ค้นพบหนทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน" ซึ่งถือเป็นไฮไลท์มากที่สุดของสารแสดงความยินดี

หนทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีนเป็นอย่างไร? สารแสดงความยินดีของ สี จิ้นผิงเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนได้ชี้ให้เห็นทิศทางอย่างชัดเจนสำหรับผู้คนศึกษาและทำความเข้าใจสาระสำคัญของหนทางนี้

หนทางนี้ยืนหยัดที่จะหลอมรวมหลักการทั่วไปด้านสิทธิมนุษยชนกับสภาพความเป็นจริงของจีนเข้าด้วยกัน พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยปฏิเสธว่าสิทธิมนุษยชนเป็นหลักการทั่วไปที่สังคมมนุษยชาติต้องร่วมกันปฏิบัติตาม ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวว่า "การบรรลุการมีสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่ของประชาชนเป็นเป้าหมายการต่อสู้ร่วมกันของสังคมมนุษย์" "‘ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน’ เป็นเอกสารที่มีความหมายสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาอารยธรรมแห่งมนุษยชาติ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของโลก”

ขณะเดียวกัน สี จิ้นผิงยังได้เน้นย้ำว่า “สิทธิมนุษยชนจำต้องขับเคลื่อนตามสภาพเงื่อนไขและความต้องการของประชาชนของแต่ละประเทศเท่านั้น" จีนยืนหยัดมาตลอดที่จะ "เดินบนหนทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่สอดคล้องกับสภาพประเทศของตน"  นี่คือประสบการณ์พื้นฐานของจีนและเป็นหลักการพื้นฐานของหนทางสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน

หนทางนี้ยึดแนวคิดการพัฒนาที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง สิทธิมนุษยชนในฐานะที่เป็นสิทธิแห่งความเป็นคนของมนุษย์หาใช่สิทธิของมนุษย์ที่เป็นนามธรรม แต่เป็นสิทธิของมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริง หาใช่สิทธิของคนส่วนน้อย แต่เป็นสิทธิของประชาชนทั้งมวล ยิ่งไม่ใช่สิทธิที่ใช้ลงโทษผู้อื่นในนามการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่เป็นสิทธิที่สามารถให้ประชาชนทุกคนมีความสุขถ้วนหน้า พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดมั่นแนวคิดสิทธิมนุษยชนที่ "ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง" มาโดยตลอด และถือการเพิ่มพูนความสุขแก่ประชาชน การประกันให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ และการส่งเสริมการพัฒนารอบด้านของปัจเจกบุคคลเป็นจุดเริ่มต้นและเป้าหมายแห่งการพัฒนา

ด้วยเหตุนี้ จึงได้ใช้ความพยายามส่งเสริมการพัฒนาอย่างครอบคลุมและประสานกันทั้งด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิทธิพลเมืองและการเมือง ตลอดจนพิทักษ์ความเป็นธรรมและความเที่ยงตรงทางสังคม และเสริมสร้างการคุ้มครองตามกฎหมายในด้านสิทธิมนุษยชน

ความคิดอันลึกซึ้งของปธน.สี จิ้นผิงด้านสิทธิมนุษยชนจีน: หนทางแห่งการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน_fororder_5

หนทางนี้ยืนหยัดถือสิทธิในการดำรงชีพและสิทธิในการพัฒนาเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานลำดับแรก ในสารแสดงความยินดีถึง "ฟอรั่มนานาชาติเพื่อรำลึกการผ่าน ‘ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา’ ครบรอบ 30 ปี"  สี จิ้นผิงชี้ให้เห็นอย่างลึกซึ้งว่า "การพัฒนาเป็นหัวข้อนิรันดร์ของสังคมมนุษย์ ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิในการพัฒนาของสหประชาชาติยืนยันว่า สิทธิในการพัฒนาเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจลิดรอนได้ ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน การพัฒนาถือเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งหมดของจีน ทั้งยังเป็นภารกิจสำคัญลำดับแรกในการใช้อำนาจปกครองและพัฒนาประเทศชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย

จีนยืนหยัดที่หลอมรวมหลักการทั่วไปด้านสิทธิมนุษยชนเข้ากับสภาพความเป็นจริงของประเทศตนเอง และยืนหยัดที่จะถือสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในการพัฒนาเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานลำดับแรก"  ลักษณะพิเศษของ "สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน" อยู่ที่ "ความเป็นพื้นฐาน"  ไม่เพียงแต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงอยู่ของมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริง รวมถึงชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการประสานงานและส่งเสริมสิทธิทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของประชาชนทุกคน ตลอดจนการใช้ความพยายามเพื่อพิทักษ์ความเป็นธรรมและความเที่ยงตรงของสังคม และการส่งเสริมการพัฒนารอบด้านของปัจเจกบุคคลอีกด้วย

หนทางนี้ยืนหยัดถือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของประชาชนเป็นสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในสารแสดงความยินดีที่ส่งถึง "การประชุมสัมมนาเพื่อระลึกการออก ‘ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน’ ครบรอบ 70 ปี"  สี จิ้นผิงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "ชีวิตที่มีความสุขของประชาชนคือสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" "สิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" กับ "สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน" มีความเชื่อมโยงกัน และสูงกว่า "สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน" ข้อสรุปนี้มีความหมายเชิงบุกเบิกในประวัติศาสตร์การพัฒนาแนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนแห่งโลก พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดแนวคิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาภารกิจสิทธิมนุษยชนของจีนอย่างจริงจังเพื่อสร้างความผาสุกแก่ประชาชน

ในสารแสดงความยินดีถึง "ฟอรั่มนานาชาติเพื่อรำลึกการผ่าน ‘ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา’ ครบรอบ 30 ปี" สี จิ้นผิงชี้ให้เห็นว่า "ในปัจจุบัน ประชาชนจีนกำลังใช้ความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้ '100 ปี 2 ประการ' และเพื่อบรรลุความฝันจีนที่จะฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น สิทธิของประชาชนจีนจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น จีนจะสร้างคุณูปการมากยิ่งขึ้นในการพัฒนาและความก้าวหน้าของมนุษยชาติ"

ความคิดอันลึกซึ้งของปธน.สี จิ้นผิงด้านสิทธิมนุษยชนจีน: หนทางแห่งการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีน_fororder_6

หนทางนี้มีการถกเถียงกันว่าการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนนั้นไม่มี “ดีที่สุด” มีแต่ “ดียิ่งขึ้น” ซึ่งตามแนวคิดวัตถุนิยมและวิภาษวิธี  สิ่งต่างๆล้วนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภาคปฏิบัตินั้นลึกซึ้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจกฎต่างๆของผู้คนก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  

สำหรับประเด็นสิทธิมนุษยชนนั้น ไม่ว่าผู้คนจะมีความยินดีหรือไม่ก็ตาม ภารกิจสิทธิมนุษยชนจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของผู้คนก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน จาก "ปฏิญญาสิทธิมนุษยชน" ที่ประกาศใช้ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส สู่ "ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" ที่องค์การสหประชาชาติให้การรับรองภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงการถือกำเนิดขึ้นของเอกสารด้านสิทธิมนุษยชนฉบับแล้วฉบับเล่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาสิทธิมนุษยชนของโลกได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า  "การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไม่มี 'ดีที่สุด' มีแต่ 'ดียิ่งขึ้น' " ตามที่สี จิ้นผิงได้ชี้ให้เห็นนั้นเป็นความเข้าใจตามกฎ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่มีความหมายโดยทั่วไป ขณะเดียวกันยังเป็นหลักอ้างอิงทางความคิดที่สำคัญที่หนทางสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีนเกิดขึ้นในภาคปฏิบัติและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางภาคปฏิบัติ

จากที่กล่าวมาข้างต้นเห็นได้ว่า หนทางการพัฒนาสิทธิมนุษยชนที่มีอัตลักษณ์ของจีนตามที่ปธน.สี จิ้นผิงอรรถาธิบาย ซึ่งรวมถึงแนวคิดสิทธิมนุษยชนที่มีเอกลักษณ์ของจีนด้วยนั้น เป็นส่วนประกอบสำคัญของความคิดสี จิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ของจีนในยุคใหม่และเป็นแนวทางชี้นำปฏิบัติการขับเคลื่อนการพัฒนาภารกิจต่างๆ ของจีน

YIM/LU

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)