บทวิเคราะห์ : รายงานต้นตอโควิด-19 ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ขัดต่อหลักวิทยาศาสตร์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เผยแพร่สิ่งที่เรียกว่า รายงานการสืบหาต้นตอโควิด-19 รายงานฉบับนี้ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่กลับโยนความผิดให้จีนว่า จีนทำให้รายงานฉบับนี้ไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจน ขณะที่ทำเนียบขาวกล่าวหาจีนว่า ขัดขวางการสืบหาต้นตอโควิด-19

ก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า จีนมีความผิดเรื่องโควิด-19 ปัจจุบันยังโยนความผิดให้จีนว่าขัดขวางการสืบหาต้นตอโควิด-19 ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า รายงานที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ นำมาเผยแพร่นั้นไม่เป็นเรื่องจริง และหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของสหรัฐฯ อีกครั้ง

แท้จริงแล้วประชาคมโลกทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่า สหรัฐฯมอบหมายให้หน่วยข่าวกรองไปสืบหาต้นตอโควิด-19 นั้นเป็นเรื่องตลก และเป็นการเล่นเกมการเมือง    

การสืบหาต้นตอโควิด-19 เป็นเรื่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จึงต้องให้นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ การสืบหาต้นตอของไวรัสทุกครั้งในประวัติศาสตร์ล้วนมีความสลับซับซ้อนอย่างมากและต้องใช้เวลานาน แต่ครั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กลับมอบหมายให้หน่วยข่าวกรองเป็นผู้ดำเนินการโดยกำหนดให้ได้ข้อสรุปภายใน 90 วัน การกระทำเช่นนี้ขัดต่อกฎแห่งวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง

สาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้หน่วยข่าวกรองไปสืบหาต้นตอโควิด-19 เป็นเพราะว่า สหรัฐฯ อยากใช้แผนอุบายเดิมที่เคยใช้กับอิรักและซีเรีย จึงมาสันนิษฐานว่า จีนมีความผิดและโยนความผิดให้แก่จีน

รายงานหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่นำมาเผยแพร่ไม่ได้มีการรองรับด้วยหลักฐานใดแม้แต่ชิ้นเดียว เป็นรายงานที่ขัดต่อหลักวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ สหรัฐฯ จึงต้องกลับมาใช้แผนอุบายเดิมอีก คือ สันนิษฐานว่าจีนมีความผิดและโยนความผิดให้แก่จีนต่อไป สรุปได้ว่า การกระทำของสหรัฐฯ ดังกล่าว เป็นการเล่นเกมการเมืองที่เลวร้ายอย่างมาก

 (tim/cai)

 

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Not Found!(404)