ทะเลทรายคู่ปู้ฉี มีพื้นที่ 18,600 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของจีน เป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จที่ได้รับความชื่นชมจากสหประชาชาติ โดยอัตราส่วนพืชคลุมดินจากน้อยกว่าร้อยละ 3 ในปี 1986 เพิ่มเป็นกว่าร้อยละ 53 ในปี 2017 ซึ่งข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การนาซาก็ได้แสดงว่า ช่วงปี 2000 ถึง 2017 สัดส่วนพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้นในโลก  1 ใน 4 มาจากความพยายามทุ่มเทของจีน

การปลูกต้นไม้ในทะเลทรายแต่เดิมคือ ทำการขุดหลุมลึกประมาณ 1 เมตรแล้วปักกิ่งไม้ลงไป หลังจากนั้นก็เอาทรายกลบหลุมให้เรียบร้อย เรียกว่าเป็นการปลูกแบบแห้ง แต่ปัจจุบัน งานปลูกต้นไม้ในทะเลทรายคู่ปู้ฉี ได้ใช้วิธีการ "ปลูกต้นไม้แบบเปียก" คือ มีการใช้อุปกรณ์ท่อฉีดน้ำแรงดัน ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ศึกษาพัฒนาโดยกลุ่มบริษัทอี้ลี่ ทำให้การขุดหลุมลึกและรดน้ำเสร็จสรรพรวดเดียวในพริบตา และที่สำคัญคือทำให้งานปักชำกิ่งไม้มีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะกิ่งต้นซาหลิ่วจากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 30 เพิ่มเป็นร้อยละ 90

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า สิ่งสำคัญในการปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นชีวิตให้กับทะเลทราย คือ การมีความหลากหลายของสายพันธุ์ เพราะจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของระบบนิเวศ ปกป้องทะเลทรายที่สร้างขึ้นใหม่ ทำให้การควบคุมทรายได้ผลที่ดีมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า จุดสำคัญในการปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นชีวิตให้กับทะเลทราย คือ การมีความหลากหลายของสายพันธุ์ เพราะจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของระบบนิเวศ ปกป้องทะเลทรายที่สร้างขึ้นใหม่ ทำให้การควบคุมทรายได้ผลที่ดีมากขึ้น

ปัจจุบัน ประสบการณ์พลิกฟื้นทะเลทรายคู่ปู้ฉีของจีน ได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ไปยังประเทศและภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกด้วย  โดยจะดำเนินการวิจัยเชิงลึกด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่ครอบคลุม เพื่อช่วยในการพิจารณาเงื่อนไขเฉพาะตัวและใช้พันธุ์พืชในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อยกระดับอัตราการรอดตายของต้นกล้าและประสิทธิภาพของการควบคุมทราย

งานคืนสีเขียวให้กับทะเลทรายคู่ปู้ฉี เป็นโครงการใหญ่ที่เห็นผลช้าและต้องลงทุนระยะยาว จะได้เงินทุนมาจากไหน? แล้วจะให้มีต่อเนื่องไปได้อย่างไร? เป็นปัญหาสำคัญที่จำต้องแก้ให้ตก

กลุ่มบริษัทอี้ลี่ แก้ปัญหาด้านเงินทุนนี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั่นเอง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 1,280 ล้านหน่วย สร้างรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า 830 ล้านหยวน ช่วยลดการใช้ถ่านหิน 720,000 ตัน ลดการปล่อยฝุ่นละออง 490,000 ตัน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 18.9 ล้านตัน เป็นต้น

และเนื่องจากโครงการดังกล่าว ได้เช่าที่ดินว่างเปล่าของชาวบ้านอำเภอหางจิ่นฉี และยังว่าจ้างให้ชาวบ้านเป็นผู้ดูแลและคอยทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ ไปพร้อมกับเลี้ยงสัตว์และปลูกพืช ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก