จีน---ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ 5 พันปี (22)

2018-12-27 21:01:35 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20181227ls1

เมื่อค.ศ. 1344   เกิดอุทกภัยร้ายแรงบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง  ระดับน้ำสูงกว่าฝั่ง    เขื่อนพังถล่ม     ราชสำนักแห่งราชวงศ์หยวนใช้ทหาร 20,000 นายเข้าบังคับเกณฑ์แรงงานกว่าหนึ่งแสนคน เพื่อซ่อมเขื่อนที่พังถล่มดังกล่าว  ยังผลให้เกิดความเดือดร้อนมากขึ้นแก่เกษตรกรที่อดอยากยากจนอยู่แล้ว   ระหว่างนั้น   เกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่า  มนุษย์หินตาเดียวจะมาปลุกระดมให้เกษตรกรทั้งหลายก่อการกบฏต่อราชวงศ์หยวน   ต่อมา ก็มีชายสองคนที่ถูกเกณฑ์แรงงานขุดดินพบมนุษย์หินตาเดียวขึ้น   ข่าวลือที่เป็นการปลุกระดมเกษตรกรให้จับอาวุธลุกฮือขึ้นต่อต้านราชวงศ์หยวนจึงแพร่หลายลุกลามไปอย่างรวดเร็ว      

ชายสองคนที่พบมนุษย์หินตาเดียวนั้น ชื่อว่า หัน ซันถง และหลิว ฝูทง  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้ที่แกะสลักก้อนหินเป็นรูปมนุษย์ตาเดียว แล้วนำไปฝังดินไว้ และปล่อยข่าวลือก็คือ บุคคลทั้งสองคนนี้เอง    อย่างไรก็ดี  ในการเริ่มต้นก่อตั้งกำลังรบโพกผ้าแดง ที่จะต่อต้านกองทัพราชวงศ์หยวนนั้น  ปรากฏว่า  ทหารราชวงศ์หยวนจู่โจมจับ หัน ซันถง  หัวหน้าคนสำคัญได้ แล้วฆ่าเสีย   แต่หลิว ฝูทงหลบหนีไปได้ โดยพา หัน หลินเอ๋อ บุตรชาย หัน ซันถงที่ยังเด็กอยู่ไปด้วย ในปีเดียวกันนี้  เกษตรกรในหลายพื้นที่ทั่วประเทศก็ได้ใช้กำลังอาวุธต่อต้านทหารราชวงศ์หยวน  บ้างก็ประกาศตั้งอาณาจักรอิสระของตนขึ้น    ส่วนกองทัพโพกผ้าแดงภายใต้การนำของ หลิวฝูทง  ก็มีกำลังถึงกว่าแสนคน  

ต่อมา   กองทัพโพกผ้าแดงยึดเมืองป๋อโจว มณฑลอันฮุย ได้  และตั้งบุตรชายของหันซันถงขึ้นมาเป็นกษัตริย์หมิงองค์เล็ก  ผู้สืบอำนาจการปกครองแห่งราชวงศ์ซ่งที่ถูกราชวงศ์หยวนกำจัดไปแล้ว แล้วบุกขึ้นภาคเหนือ โดยแยกเป็นสามเส้นทางด้วยกัน  เส้นทางหนึ่งบุกไปทางตะวันออก  โดยยกทัพจากมณฑลเจียงซูข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อบุกยึดมณฑลซันตง  แล้วเข้ามณฑลเหอเป่ย เพื่อโจมตีเมืองหลวงของราชวงศ์หยวนต่อไป   เส้นทางสายกลาง   ยกทัพข้ามแม่น้ำเหลือง  เพื่อโจมตีมณฑลซานซี  เส้นทางตะวันตก ยกทัพเข้ามณฑลส่านซี แล้วเข้ายึดมณฑลเสฉวน    ช่วงนี้เป็นช่วงที่กองทัพโพกผ้าแดงมีความเข้มแข็งที่สุด แต่หลังจากที่สามารถเข้ายึดไคเฟิง เมืองหลวงเก่าของราชวงศ์ซ่งเหนือได้    กองทัพโพกผ้าแดงเกิดขัดแย้งกันขึ้นเองในระหว่างผู้นำ แล้วยังประเมินกำลังรบของราชวงศ์หยวนต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ในที่สุด  เมื่อกองทัพราชวงศ์หยวนตั้งหลักได้ สามารถระดมกำลังขึ้นมาใหม่  จึงกอบกู้ชัยชนะได้สำเร็จ  กองทัพโพกผ้าแดงที่บุกขึ้นเหนือทั้งสามทางต้องพ่ายแพ้  กำลังรบของหลิวฝูทงที่ตั้งมั่นในเมืองไคเฟิง ซึ่งกษัตริย์หมิงองค์เล็กประทับอยู่ ถูกทหารราชวงศ์หยวนล้อมบดขยี้   หลิวฝูทง ได้เสียชีวิตระหว่างการสู้รบ    ช่วงเวลานั้น  พอดีกองกำลังของจูหยวนจาง ผู้นำกองกำลังต่อต้านราชวงศ์หยวนอีกทัพหนึ่งอยู่ใกล้บริเวณพื้นที่ไคเฟิง จึงรีบยกทัพเข้ามาคุ้มครองกษัตริย์หมิงองค์เล็ก    ทำให้กษัตริย์      หมิงองค์เล็กรอดชีวิตไปเป็นตัวเชิดของจูหยวนจาง 

图片默认标题_fororder_20181227ls2

จูหยวนจางเกิดในมณฑลเหอหนาน เป็นลูกชายครอบครัวชาวนา ต้องโยกย้ายไปทำไร่ไถนาในหลายท้องที่  ภายหลังจึงมาทำมาหากินอยู่ในบริเวณท้องที่ระหว่างแม่น้ำหวายเหอ และแม่น้ำแยงซีเกียง   ต่อมา   พ่อและพี่น้องของจูหยวนจางเสียชีวิตจากโรคระบาดครั้งใหญ่   แม้จูหยวนจาง และน้องชายอีกคนหนึ่งรอดชีวิตได้  แต่ก็สิ้นเนื้อประดาตัว

ความอดอยากยากจนทำให้จูหยวนจางอายุได้ 16 ปี ต้องบวชเณรที่วัดใกล้บ้านแห่งหนึ่ง แต่ทุพภิกขภัยสมัยนั้นร้ายแรงมากถึงขนาดเจ้าอาวาสต้องแนะนำให้ภิกษุสามเณรในวัดแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น เพื่อจะได้ไม่อดตาย   จูหยวนจางจึงต้องออกเร่ร่อน ตระเวณบิณฑบาตจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลอันฮุย ไปจนถึงทางใต้ของมณฑลเหอหนาน  และในระหว่างนี้ เขาได้สมัครเป็นทหารของกองทัพโพกผ้าแดง  แต่ต่อมา เมื่อกองทัพนี้มีกำลังมากขึ้น ก็เกิดขัดแย้งแตกแยกกันในระหว่างผู้นำ  เพราะต่างก็มีกำลังรบของตนเอง จึงไม่ยอมอยู่ใต้การนำของผู้อื่น         จูหยวนจางก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำก๊กเล็กๆ ก๊กหนึ่ง  เขาพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับบรรดาขุนศึกที่ตั้งตนเป็นอิสระในบริเวณใกล้เคียง    และพยายามสะสมกำลังรบให้เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ    ขณะเดียวกัน ติดตามความเคลื่อนไหวของขุนศึกทั้งหลายอย่างใกล้ชิด หากเมืองใดไม่มีกำลังป้องกัน  จูหยวนจางก็ใช้กำลังเข้ายึดเป็นของตน เป็นการขยายดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตนออกไปเรื่อยๆ    

จูหยวนจางตระหนักดีว่า จะต้องมีกำลังเข้มแข็งจนสามารถโค่นล้มอำนาจของราชวงศ์หยวน แล้วจึงจะรวมประเทศชาติเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้   เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้  จะต้องสร้างกำแพงเมืองให้สูงขึ้น  สะสมเสบียงอาหารให้เพียงพอ และยังไม่ควรตั้งตนเป็นกษัตริย์  

ต่อมา จูหยวนจางได้ยึดเมืองหนานจิง เมืองนี้ เคยเป็นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์มาแล้ว    เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความสำคัญในทางยุทธศาสตร์   หลังยึดเมืองแห่งนี้  จูหยวนจางพยายามสนับสนุนให้ชาวหนานจิงเพิ่มการผลิต  สนับสนุนการทำไร่ไถนา   ขณะเดียวกัน  ยังพยายามแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน    สะสมเสบียงอาหาร เสริมสร้างกำลังรบให้เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพื่อสร้างเมืองหนานจิงให้เป็นฐานที่มั่นที่เข้มแข็ง   หลังจากนั้น ยิ่งเวลาล่วงไป กองทัพของจูหยวนจางก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น   จนกลายเป็นขุนศึกที่มีกองกำลังและฐานที่มั่นเข้มแข็งที่สุดในบรรดาขุนศึกที่ตั้งตนเป็นอิสระด้วยกันในบริเวณพื้นที่ทางภาคใต้ของจีน    ต่อมา จูหยวนจางยกทัพไปปราบขุนศึกในพื้นที่ต่างๆ ทางภาคใต้ของจีน จนสุดท้าย  ทั่วทั้งภาคใต้ก็อยู่ในอำนาจปกครองของจูหยวนจางทั้งหมด   

ค.ศ.1368 จูหยวนจางสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิราชวงศ์หมิงขึ้นที่เมืองหนานจิง หลังจากนั้น ก็ระดมสรรพกำลัง และยกทัพใหญ่ขึ้นเหนือเพื่อพิชิตกองทัพของราชวงศ์หยวน   เมื่อกองทัพของจูหยวนจางรุกเข้าไปใกล้ปักกิ่ง เมืองหลวงของราชวงศ์หยวน   จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หยวนหนีไปยังภาคเหนือ   จูหยวนจางสามารถรวมประเทศชาติเข้าเป็นปึกแผ่นเดียวกันได้อีกครั้งหนึ่ง

图片默认标题_fororder_20181227ls3

เมื่อขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ จูหยวนจางทรงตระหนักดีว่า  สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยทั่วไปยังคงอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากมาก   เพราะชาวนาจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยสงคราม  พลัดที่นาคาที่อยู่  ไม่มีที่ทำกิน  จูหยวนจางจึงทรงอนุญาตให้ชาวนาเหล่านี้เข้าจับจองที่ดินทำกินกันได้ตามท้องที่ที่รกร้างว่างเปล่าในบริเวณลุ่มแม่น้ำหวายเหอ  โดยทางรัฐบาลจัดหาวัวและพันธุ์พืชสำหรับเพาะปลูกให้ด้วย    ชาวนาเหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษีและไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานเป็นเวลา 3 ปี  จากนโยบายดังกล่าว  ชาวนารับจ้างที่ไม่มีงานทำตามบริเวณที่ราบลุ่มตอนล่างของแม่น้ำแยงซีเกียงจึงพากันอพยพไปยังบริเวณลุ่มแม่น้ำหวายเหอ  เพื่อจับจองที่ดินรกร้างว่างเปล่าเพื่อทำไร่ไถนากัน    ต่อมา    ราชวงศ์หมิงออกกฤษฎีกา กำหนดให้ชาวนาต้องสงวนที่ดินส่วนหนึ่งไว้ปลูกฝ้าย เพื่อสนับสนุนการผลิตผ้าฝ้าย   นอกจากนี้   ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงยังสนพระทัยในการชลประทานอย่างมาก  เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรม   มาตรการต่างๆ เหล่านี้ทำให้ปริมาณการผลิตพืชผลการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมาก   สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปดีขึ้นตามลำดับ   อุตสาหกรรมช่างฝีมือและ         พาณิชยกรรมก็เจริญขึ้น   ยังผลให้จำนวนประชากรก็เพิ่มขึ้นด้วย   

  • เสียงข่าวประจำวัน (26-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (26-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (26-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (25-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (25-04-2567)

张鸿泽